พระคำขององค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศอย่างชัดเจนว่า “1ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระเจ้าตลอดไป คำสรรเสริญพระองค์อยู่ที่ปากข้าพเจ้าเรื่อยไป 2จิตใจของข้าพเจ้าโอ้อวดในพระเจ้า ให้คนที่เสงี่ยมเจียมตัวได้ฟังและยินดี 3เชิญยอพระเกียรติพระเจ้า พร้อมกับข้าพเจ้า ให้เราสรรเสริญพระนามของพระองค์ด้วยกัน” สดุดี 34:1-3 และมีชายคนหนึ่งที่มีประสบการณ์ชีวิตจริงในการขอบพระคุณและสรรเสริญพระองค์เสมอๆ จนเป็นชีวิตและเป็นแบบอย่างแก่พวกเราได้ก็คือกษัตริย์ดาวิดนั่นเอง พระวจนะได้บันทึกไว้ว่า
“20เราได้พบดาวิดผู้รับใช้ของเรา ด้วยน้ำมันบริสุทธิ์ของเรา เราได้เจิมเขาไว้แล้ว 21เพื่อว่ามือของเราจะอยู่กับเขาเป็นนิตย์ และแขนของเราจะเสริมกำลังของเขา 22ศัตรูจะหลอกเขาไม่ได้ คนที่ประพฤติผิดจะข่มเขาไม่ได้ 23เราจะขยี้คู่อริของเขาต่อหน้าเขา และตีผู้ที่เกลียดเขาให้ล้มลง 24ความสัตย์สุจริต และความรักมั่นคงของเราจะอยู่กับเขา และกำลังของเขาจะเป็นที่เชิดชูโดยนามของเรา” สดุดี 89:20-24
ในองค์พระผู้เป็นเจ้าเราได้พบกับพระองค์รับพระพรจากพระหัตถ์ของพระองค์อย่างมากมาย สมควรอย่างยิ่งที่ชีวิตของเราจะสรรเสริญและขอบพระคุณพระองค์สำหรับสรรพสิ่ง การขอบพระคุณเป็นการถวายพระเกียรติและสง่าราศรีทั้งสิ้นแด่พระองค์ในที่สูงสุด
“การนี้เป็นมาจากพระเจ้า เป็นการมหัศจรรย์ประจักษ์ตาเรา” สดุดี 118:23
ในพระองค์ทุกๆ สิ่งในชีวิตของเราล้วนมหัศจรรย์เกินกว่าที่จะบรรยายได้ครบ ความรอด ชีวตที่ครบบริบูรณ์ ชีวิตนิรันดร์ การขอบพระคุณคือการสำรวจตรวจสอบ หรือนับพระพร นับพระคุณต่างๆ ที่มีมาถึงชีวิตของเรา แล้วเราจะพบว่าตั้งแต่วันที่เราได้เดินติดตามพระองค์มา พระคุณพระพรต่างๆ ล้วนไหลหลั่งอย่างท่วมท้นเข้าสู่ชีวิตของเราอย่างมากมาย
“จะมีเพลงโมทนาพระคุณออกมาจากที่เหล่านั้น และมีเสียงของผู้ที่รื่นเริง เราจะทวีเขาขึ้น และเขาจะไม่มีเพียงน้อยคน เราจะกระทำให้เขามีเกียรติ เขาจะไม่เป็นแต่ผู้เล็กน้อย” เยเรมีย์ 30:19
การขอบพระคุณพระองค์นำมาซึ่งความสุข ความชื่นบานในพระองค์ ชีวิตอันเต็มไปด้วยพลังและการเจริญเติบโตก้าวหน้าขึ้นในพระองค์ ดังชนชาติอิสราเอลได้ประสบมาแล้วและมีพระวจนะได้บันทึกไว้ว่า “20และเขาทั้งหลายได้ลุกขึ้นแต่เช้าและออกไปในถิ่น ทุรกันดารถึงเทโคอา และเมื่อเขาออกไป เยโฮชาฟัทประทับยืนและตรัสว่า “ยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มเอ๋ย จงฟังข้าพเจ้า จงวางใจในพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน และท่านจะตั้งมั่นคงอยู่ จงเชื่อบรรดาผู้เผยพระวจนะของพระองค์ และท่านจะสำเร็จผล” 21และเมื่อพระองค์ได้ปรึกษากับประชาชนแล้ว พระองค์ได้ทรงแต่งตั้งบรรดาผู้ที่จะร้องเพลงถวายพระเจ้า และแต่งกายด้วยเครื่องบริสุทธิ์สรรเสริญพระองค์ ขณะเมื่อเขาเดินออกไปหน้าศัตรู และว่า “จงถวายโมทนาแด่พระเจ้า เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์” 22และเมื่อเขาทั้งหลายตั้งต้นร้องเพลงสรรเสริญ พระเจ้าทรงจัดกองซุ่มคอยต่อสู้กับคนอัมโมน โมอับ และชาวภูเขาเสอีร์ ผู้ได้เข้ามาต่อสู้กับยูดาห์ ดังนั้นเขาทั้งหลายจึงแตกพ่ายไป 23เพราะว่าคนของอัมโมนและของโมอับได้ลุกขึ้น ต่อสู้กับชาวภูเขาเสอีร์ ทำลายเขาเสียอย่างสิ้นเชิง และเมื่อเขาทั้งหลายทำลายชาวเสอีร์หมดแล้ว เขาทั้งสิ้นช่วยกันทำลายซึ่งกันและกัน 24เมื่อยูดาห์ขึ้นไปอยู่ที่เนินสูงที่ในถิ่นทุรกันดาร เขามองตรงไปที่คนหมู่ใหญ่นั้น และ ดูเถิด มีแต่ศพนอนอยู่บนแผ่นดิน ไม่มีสักคนเดียวที่รอดไปได้” 2 พงศาวดาร 20:20-24 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ในสมัยของกษัตริย์เยโฮซาฟัท ชีวิตแห่งการขอบพระคุณเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญในชีวิตคริสเตียนของเราแบบวันต่อวัน ชีวิตแห่งการสรรเสริญและขอบพระคุณนำมาซึ่งสิ่งซึ่งจะกล่าวโดยย่อในตอนท้ายนี้คือ
(ก) พระพรแห่งการได้อยู่ใกล้ชิดกับพระองค์
ติดสนิทในพระองค์ นำไปสู่สันติสุขอย่างบูรณาการคือสันติสุขในการได้พักสงบ จิตใจชื่นบานเสมอ จิตวิญญาณปลอดภัยในแผ่นดินสวรรค์
(ข) ความเป็นเอกเป็นหนึ่งท่ามกลางคนของพระองค์
ดังสดุดี 133 ได้บันทึกเอาไว้
(ค) คำขอบพระคุณเป็นการรับใช้พระองค์
และนำผู้คนมาถึงองค์พระผู้เป็นเจ้า
“เหตุฉะนั้น ให้เราถวายคำสรรเสริญเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้าตลอดไป โดยทางพระองค์นั้น คือคำกล่าวยอมรับเชื่อพระนามของพระองค์” ฮีบรู 13:15
ขอให้คนของพระองค์เปี่ยมล้นเสมอๆ ด้วยคำขอบพระคุณ ที่ออกมาจากปาก จากหัวใจ จากชีวิตของเราสู่ผู้คนมากมายในโลกนี้ ให้ได้เข้ามาสัมผัสกับความรักในพระองค์เช่นเดียวกันกับพวกเรา พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้าครับผม เดือนแห่งคริสตสมภพ 2021
Comments