top of page

บทความจากศิษยาภิบาล ฉบับวันที่ 27 มีนาคม 2022

สิ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้คือสิ่งที่ผลักดันให้เราเดินไปข้างหน้าพร้อมที่จะเผชิญกับอุปสรรคปัญหาต่างๆ อย่างไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใดๆ เลย คือ นิมิตและความฝันต่างๆ ในชีวิตของคนเรานั่นเอง โดยเฉพาะการรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะนิมิตและความฝันที่มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ได้มอบให้หรือได้ส่งลงมายังคริสตจักรของพระองค์หรือคนของพระองค์ในการขับเคลื่อนพันธกิจของพระองค์ให้ได้จำเริญก้าวหน้าสืบๆ ไป

“2และพระเจ้าตรัสตอบข้าพเจ้าว่า “จงเขียนนิมิตนั้นลงไป จงเขียนไว้บนแผ่นป้ายให้กระจ่าง เพื่อให้คนที่วิ่งอ่านได้คล่อง 3เพราะว่านิมิตนั้นยังรอเวลาของมันอยู่ มันกำลังรีบไปถึงความสำเร็จ มันไม่มุสา ถ้าดูช้าไป ก็จงคอยสักหน่อย มันจะบังเกิดขึ้นเป็นแน่ คงไม่ล่าช้านัก” ฮาบากุก 2:2-3

นิมิตต้องแน่นอนเด่นชัดและยังคงก้องอยู่ในวิถีชีวิตของเราแม้จะยังไม่ได้สำเร็จเป็นผลก็ตาม แต่ก็จะต้องเป็นจริงและได้ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอนในวันและเวลาของพระองค์ กษัตริย์ดาวิดผู้เป็นบิดาฝันว่าพระราชโอรสซาโลมอนจะเป็นผู้สร้างพระวิหารแทนพระองค์ก็เป็นจริงในเวลาต่อๆ มาซึ่งกษัตริย์ดาวิดเองไม่มีโอกาสได้ชมพระวิหารนั้นด้วยพระเนตรของพระองค์เองเลย องค์พระผู้เป็นเจ้าได้มาปรากฏแก่ซาโลมอน “พระเจ้าทรงปรากฏแก่ซาโลมอนที่เมืองกิเบโอน เป็นพระสุบินในกลางคืน และพระเจ้าตรัสว่า “เจ้าอยากให้เราให้อะไรเจ้าก็จงขอเถิด”” 1 พงษ์กษัตริย์ 3:5 ซึ่งต่อมาภายหลังกษัตริย์ซาโลมอนก็ได้ขอเพียงสติปัญญาในการรับใช้และในการต่างๆ

“9เพราะฉะนั้นขอพระองค์ทรงประทานความคิดความ เข้าใจแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อจะวินิจฉัยประชากรของพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะประจักษ์ในความผิดแผกระหว่างดีและชั่ว เพราะว่าผู้ใดเล่าจะสามารถวินิจฉัยประชากรใหญ่ของ พระองค์นี้ได้” 10ที่ซาโลมอนทูลขอเช่นนี้ก็เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า” 1 พงษ์กษัตริย์ 3:9-10

แน่นอนองค์พระผู้เป็นเจ้าก็ได้ประทานให้กษัตริย์ซาโลมอนมากยิ่งกว่าที่พระองค์ได้ทรงทูลขอและทรงเตือนสติให้พระองค์ท่านมั่นคงยั่งยืนอยู่ในความฝันในนิมิตที่พระองค์ได้ทรงประทานให้แล้ว “12ดูเถิด เราจะกระทำตามคำของเจ้า ดูเถิด เราให้จิตใจอันประกอบด้วยปัญญาและความเข้าใจ เพื่อว่าจะไม่มีใคร ที่เป็นอยู่ก่อนเจ้าเหมือนเจ้า และจะไม่มีใครที่ขึ้นมาภายหลังเจ้าเหมือนเจ้า 13เราจะให้สิ่งที่เจ้าไม่ได้ขอแก่เจ้าด้วย ทั้งความมั่งคั่งและเกียรติยศ เพื่อว่าตลอดวันเวลาทั้งสิ้นของเจ้า จะไม่มีกษัตริย์องค์อื่นเปรียบเทียบกับเจ้าได้ 14และถ้าเจ้าจะดำเนินตามทางของเรา รักษากฎเกณฑ์ของเรา และบัญญัติของเรา ดังดาวิดบิดาของเจ้าได้ดำเนินนั้น เราก็จะให้วันเวลาของเจ้ายืนยาว” 1 พงษ์กษัตริย์ 3:12-14 ทั้งนี้ความฝันและนิมิตต่างๆ เหล่านั้นจะต้องสอดคล้องกับพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าตามพระธรรมที่ได้ทรงสอนเอาไว้

“1“ถ้าในหมู่พวกท่านเกิดมีผู้เผยพระวจนะหรือ ผู้ฝันเห็นเหตุการณ์ขึ้น และสำแดงหมายสำคัญหรือการอัศจรรย์แก่ท่าน 2และหมายสำคัญหรือการอัศจรรย์ซึ่งเขาบอก ท่านนั้นสำเร็จจริง ถ้าเขากล่าวว่า 'ให้เราติดตามพระอื่นกันเถิด(ซึ่งเป็นพระที่ท่านไม่รู้จัก) และให้เรามาปรนนิบัติพระนั้น' 3ท่านอย่าเชื่อฟังคำของผู้เผยพระวจนะหรือผู้ฝัน เห็นเหตุการณ์คนนั้น เพราะพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านลองใจท่านดู เพื่อให้ทรงทราบว่าท่านทั้งหลายรักพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจของท่านหรือไม่ 4ท่านทั้งหลายจงดำเนินตามพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของท่านและยำเกรงพระองค์ และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ และเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์ และท่านจงปรนนิบัติพระองค์และติดสนิทอยู่กับพระองค์” เฉลยธรรมบัญญัติ 13:1-4

การที่เราจะพบกับนิมิตและความฝันต่างๆ ในพระองค์รวมทั้งภาระใจในการรับใช้พระองค์ กล่าวคือ

(1) เราต้องกล้าที่จะเข้าใกล้พระองค์และขอถวายตัวรับใช้พระองค์

อย่างสุดชีวิตสุดหัวใจสุดความสามารถของเรา มีความหวังในอนาคต พร้อมที่จะเดินไปด้วยความเชื่อวางใจในพระองค์ในอนาคตที่ยังมาไม่ถึงในชีวิตของเรา อาชีพการงานในอนาคต คู่ครองครอบครัวในอนาคต พระองค์เปลี่ยนแปลงสร้างชีวิตของเราได้ เช่น เยเรมีย์ได้รับนิมิตในองค์พระผู้เป็นเจ้า “6แล้วข้าพเจ้าก็กราบทูลว่า “ข้าแต่พระเจ้า ดูเถิด ข้าพระองค์พูดไม่เป็นเพราะว่าข้าพระองค์เป็นเด็ก” 7แต่พระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “อย่าว่าเจ้าเป็นแต่เด็ก เพราะเจ้าต้องไปหาทุกคนที่เราใช้ให้เจ้าไป และเราบัญชาเจ้าอย่างไรบ้างเจ้าต้องพูด 8อย่ากลัวหน้าเขาเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า จะช่วยกู้เจ้าไว้ พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ” 9แล้วพระเจ้าทรงเหยียดพระหัตถ์ของพระองค์ถูกต้องปากข้าพเจ้า และพระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ดูเถิด เราเอาถ้อยคำของเราใส่ในปากของเจ้า” เยเรมีย์ 1:6-9 พระองค์จะทรงอยู่กับเราและนำเราไปในทางของพระองค์นั่นเอง

(2) เขียนนิมิตความใฝ่ฝันของเราไว้ให้ชัดเจน

เริ่มด้วยการภาวนาพระคำ รักษาชีวิตในการเข้าเฝ้าพระองค์เป็นประจำวันทุกๆ วันมิได้ขาด ร่วมประชุมกับทางคริสตจักรเป็นประจำสม่ำเสมอ ร่วมรับใช้ร่วมสุขร่วมทุกข์ ร่วมแบกแอกของพระคริสต์เจ้าในทุกๆ วัน อย่าอายที่จะออกพระนาม ประกาศพระคริสต์แก่โลกนี้ “8และเราบอกท่านทั้งหลายว่า ทุกคนที่จะรับเราต่อหน้ามนุษย์ บุตรมนุษย์ก็จะรับผู้นั้นต่อหน้าเหล่าทูตสวรรค์ของพระเจ้า 9แต่ผู้ใดจะไม่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราจะไม่ยอมรับผู้นั้นต่อหน้าเหล่าทูตสวรรค์ของพระเจ้า” ลูกา 12:8-9 กล้าที่จะทำความฝันของเรามาเป็นความจริงโดยพึ่งพาฤทธานุภาพขององค์พระคริสต์เจ้า

(3) ยืนหยัดอยู่ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้า

แม้นิมิตและความฝันยังมิได้เป็นจริงในเวลานี้ก็ตาม โยเซฟมีความฝันแต่ต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายในบั้นปลายฝันก็เป็นความจริงในเวลาต่อมาดังที่ท่านเคยเห็นในนิมิตมาก่อน ปฐมกาล 37:1-11 ไปอ่านเพิ่มเติมครับผม โยเซฟกล่าวอย่างน่าสนใจดังนี้ “19โยเซฟจึงบอกเขาว่า “อย่ากลัวเลย เราเป็นดังพระเจ้าหรือ 20พวกท่านคิดร้ายต่อเราก็จริง แต่ฝ่ายพระเจ้าทรงดำริให้เกิดผลดีอย่างที่บังเกิดขึ้นนี้แล้ว คือช่วยชีวิตคนเป็นอันมาก”” ปฐมกาล 50:19-20 ขอให้พวกเราเรียนจากโยเซฟด้วยเช่นกันว่าความฝันเป็นจริงต้องใช้เวลา ผ่านอุปสรรคปัญหาต่างๆ มากมายอย่างโชกโชน เราคงได้ยินบ่อยๆ ว่า “แพ้เป็นถ่านผ่านเป็นเพชร” ถ่านและเพชรมีธาตุแท้เหมือนกันแต่สีแตกต่างกัน ถ่านสีดำแต่เพชรโปร่งแสงสะท้อนแสงสวยงามมากแต่ต้องผ่านความร้อนความกดดันต่างๆ จึงได้กลายร่างเป็นเพชรเม็ดงามนั่นเอง

อยากมีนิมิตมีความฝันต้องอยู่ใกล้องค์พระผู้เป็นเจ้า เขียนนิมิตความฝันไว้ให้ชัดเจนอย่าย่อท้อแม้ยังไม่เป็นจริงก็ตาม รักษาชีวิตในพระองค์เดินตามนิมิตนั้นๆ และวันแห่งพระพรก็จะมาถึงพวกเราอย่างแน่นอน ฝันว่าจะเป็นแบบซาโลมอน แบบโยเซฟ แบบโมเสส หรือแบบ....(ใคร)ดี ขอพระเป็นเจ้าทรงอวยพระพรและพบกันใหม่ในสัปดาห์หน้าครับผม

ดู 4 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page