top of page

พบกับ ศบ. ฉบับวันที่ 25 กรกฎาคม 2021

พบกับ ศจ.ดร. วัฒนา พรหมโคตร ศิษยาภิบาลอาวุโสคริสตจักรขอนแก่น

คริสตจักรขอนแก่นยินดีต้อนรับพี่น้องทุกๆ ท่านสู่การนมัสการในทุกๆ รอบด้วยความชื่นชมยินดียิ่งในองค์พระผู้เป็นเจ้า

พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้หนุนใจเราว่า

10ตามซึ่งทุกคนได้รับของประทานที่ทรงประทานให้แล้ว ก็ให้ใช้ของประทานนั้นเพื่อประโยชน์แก่กันและกัน เป็นผู้รับมอบฉันทะที่ดี ที่แจกและสำแดงพระคุณนานาประการของพระเจ้า 11ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดจะพูด ก็ให้กล่าวเหมือนหนึ่งกล่าวพระภาษิตของพระเจ้า ถ้าคนใดกระทำบริการ ก็จงให้บริการตามกำลังซึ่งพระเจ้าทรงโปรดประทาน เพื่อว่าพระเจ้าจะทรงได้เกียรติในการทั้งปวง โดยทางพระเยซูคริสต์ พระสิริและไอศวรรยานุภาพจงมีแด่พระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์ อาเมน” 1 เปโตร 4:10-11


เป็นถ้อยคำแห่งพระวจนะที่เสริมสร้างให้พวกเรารับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างดีที่สุดถวายพระเกียรติแด่พระองค์สูงสุดในชีวิตของเรา แต่หลายๆ คนอาจจะมีคำถามว่าแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงเรียกหรือมีกระแสการทรงเรียกให้ได้รับใช้พระองค์ โดยการอุทิศถวายตนเพื่อพันธกิจในพระองค์ ทั้งแบบเต็มเวลา บางเวลา เป็นต้น หากเราทุ่มเทชีวิตของเรามากกว่าสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมงในพันธกิจการรับใช้ถือว่าเราอุทิศถวายตนเป็นผู้รับใช้หรือพันธกรเต็มเวลาในพระองค์ หากน้อยกว่านั้นลดหลั่นกันไปก็เป็นผู้ทำพันธกิจบางเวลาไปตามความเหมาะสม อย่างแรกเรามาแยกให้ชัดเจนระหว่างพรสรรค์หรือความสามารถพิเศษในตัวเรา กับของประทานในพระวิญญาณบริสุทธิ์ ความเหมือนกันคือเป็นความสามารถพิเศษที่คนธรรมดาๆ ทั่วๆ ไปไม่มีหรือไม่สามารถเลียนแบบได้ ความต่างคือ พรสวรรค์เป็นของบุคคลนั้นๆ เอง ส่วนของประทานย่อมมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อการรับใช้พระองค์เป็นสำคัญ


แน่นอนทั้งพรสวรรค์และของประทานต่างๆ สามารถนำมาใช้ถวายพระเกียรติแด่พระองค์ได้ตามกาลเวลาที่เหมาะสมในโอกาสรับใช้ต่างๆ กันไปเป็นสำคัญ การทรงเรียกให้รับใช้มีลักษณะพิเศษดังนี้โดยสังเขป คือ


(1) การทรงเรียกเป็นสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกร้องให้เรากระทำหรือรับใช้พระองค์

เพื่อพระองค์เป็นสำคัญ “11พระเจ้าตรัสว่า เพราะเรารู้แผนงานที่เรามีไว้สำหรับเจ้า เป็นแผนงานเพื่อสวัสดิภาพ ไม่ใช่เพื่อทุกขภาพ เพื่อจะให้อนาคตและความหวังใจแก่เจ้า” เยเรมีย์ 29:11 การทรงเรียกนั้นไม่ใช่เพื่อเรา หรือความก้าวหน้าอะไรต่างๆ ของเราเองเป็นสำคัญเลยแต่เพื่อพระองค์ พันธกิจในพระองค์ต่างหากที่สำคัญยิ่ง

(2) การทรงเรียกคือการทรงเรียกร้องให้เราเอาของประทานที่เรามีอยู่ที่ทรงประทานให้แก่เรานั้นมาใช้ในพันธกิจของพระองค์

ไม่ใช่ออกมามีอาชีพรับใช้พระองค์ แน่นอนพระองค์เองจะตอบแทนและเลี้ยงดูคนของพระองค์อย่างเหมาะสมและอย่างดี “1พระเจ้าทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าดุจเลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าจะไม่ขัดสน 2พระองค์ทรงกระทำให้ข้าพเจ้านอนลงที่ทุ่งหญ้าเขียวสด พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปริมน้ำแดนสงบ” สดุดี 23:1-2

(3) เสียงเรียกให้รับใช้พระองค์มาจากพระวจนะของพระองค์

มาจากฤทธิ์อำนาจแห่งองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ใช่มาจากตัวเราเองหรือความคิด ความรู้สึกนึกเอาเอง คิดไปเอง ต้องมั่นใจในพระองค์ “9ใจของมนุษย์กะแผนงานทางของเขา แต่พระเจ้าทรงนำย่างเท้าของเขา” สุภาษิต 16:9 พระองค์เรียกเราให้ทำการถวายพระองค์เป็นสำคัญ “20ท่านได้ถูกประดิษฐานขึ้น บนรากแห่งพวกอัครทูตและพวกผู้เผยพระวจนะ พระเยซูคริสต์ทรงเป็นศิลามุมเอก” เอเฟซัส 2:20

(4) การทรงเรียกของพระองค์คือการยินดีมอบถวายชีวิตและอนาคตทั้งสิ้นไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์โดยสมบูรณ์

ผู้ถวายตัวจะถูกสอนและเสริมสร้างให้ได้รับใช้พระองค์ตามของประทานต่างๆ ที่ได้ทรงประทานให้ “1พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอันบริสุทธิ์และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่านทั้งหลาย 2อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัยและอะไรดียอดเยี่ยม” โรม 12:1-2 แต่ทั้งนี้เราไม่อาจล่วงรู้อนาคตทั้งสิ้นตลอดชีวิตของเราบนโลกนี้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นได้บ้างๆ ผู้ถวายตัวจะมอบอนาคตและวางใจในพระองค์ทั้งสิ้น พระองค์ทรงพระชนม์เป็นอยู่และครอบครองในสรรพสิ่ง ไม่ว่าจะมีอุปสรรคปัญหาอย่างไรในชีวิตของเราโดยพระคุณและความรักในพระองค์ พระองค์จะนำเราไปสู่จุดหมายปลายทางแห่งการทรงเรียกได้อย่างแท้จริง พระองค์ไม่เคยทำสิ่งใดอย่างผิดพลาดเลย “8เพราะความคิดของเราไม่เป็นความคิดของเจ้า ทั้งทางของเจ้าไม่เป็นวิถีของเรา” พระเจ้าตรัสดังนี้” อิสยาห์ 55:8 และพระองค์ทรงรักเราเสมอๆ “1จงดูเถิด พระบิดาทรงโปรดประทานความรักแก่เราทั้งหลายเพียงไร ที่เราจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า และเราก็ได้เป็นเช่นนั้น เหตุที่โลกไม่รู้จักเราทั้งหลาย ก็เพราะเขาไม่รู้จักพระองค์” 1 ยอห์น 3:1 ผู้ที่ตอบสนองการทรงเรียกในบั้นปลายจะได้พบแต่สิ่งดีๆ เสมอ อิสยาห์จึงกล่าวว่า “8และข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราจะใช้ผู้ใดไป และผู้ใดจะไปแทนเรา” แล้วข้าพเจ้าทูลว่า “ข้าพระองค์อยู่นี่ พระเจ้าข้า ขอทรงใช้ข้าพระองค์ไปเถิด”” อิสยาห์ 6:8 แม้ชีวิตของท่านจะเต็มไปด้วยขวากหนามต่างๆ แต่ชีวิตของท่านอิสยาห์กลับเต็มไปด้วยพระพรนานาประการแก่เราในยุคนี้ด้วยเช่นกัน


ลองพิจารณาดูว่าพระองค์ทรงเรียกเราให้ได้ถวายตัวรับใช้พระองค์หรือไม่ การทรงเรียกมาจากพระองค์ พระองค์คือผู้ประทานความสามารถเองให้เราได้รับใช้พระองค์อย่างเต็มที่ เป็นเสียงจากพระวจนะและจากองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ แม้อนาคตข้างหน้าเราจะมองไม่เห็นทั้งหมดได้เราก็จะวางชีวิตไว้กับพระองค์เสมอไป

9แต่ท่านทั้งหลายเป็นชาติที่พระองค์ทรงเลือกไว้แล้ว เป็นพวกปุโรหิตหลวง เป็นประชาชาติบริสุทธิ์ เป็นชนชาติของพระเจ้าโดยเฉพาะ เพื่อให้ท่านทั้งหลายประกาศพระบารมีของพระองค์ ผู้ได้ทรงเรียกท่านทั้งหลายให้ออกมาจากความมืด เข้าไปสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์” 1 เปโตร 2:9 ขอให้พวกเราได้ร่วมกันรับใช้พระองค์อย่างดีที่สุดอย่างสุดความสามารถของเรา อาเมน อาเมน และอาเมน พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับผม

ดู 19 ครั้ง0 ความคิดเห็น

ความคิดเห็น


bottom of page