top of page

บทความจากศิษยาภิบาล ฉบับวันที่ 22 พฤษภาคม 2022

บทความโดย ศจ.ดร.วัฒนา พรหมโคตร
ศิษยาภิบาลอาวุโสคริสตจักรขอนแก่น

คริสตจักรขอนแก่นยินดีต้อนรับพี่น้องทุกๆ ท่านสู่การนมัสการในทุกๆ รอบด้วยความชื่นชมยินดียิ่ง ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงนำและอวยพระพรมายังพี่น้องทุกๆ ท่านให้ได้พบกับพระพรและสันติสุขอันเปี่ยมล้นในพระองค์อย่างทั่วถ้วนกัน ในสัปดาห์นี้อยากจะนำพี่น้องทุกๆ ท่านมาพิจารณาถึงคำสอน คำหนุนน้ำใจคำท้าชวนพวกเราในการที่จะทำการประกาศพระกิตติคุณขององค์พระผู้เป็นเจ้าแก่ทุกๆ คนอย่างทั่วถ้วนกัน

“อิสราเอลเอ๋ย จงหวังใจในพระเจ้า เพราะในพระเจ้ามีความรักมั่นคง และในพระองค์มีการไถ่อย่างสมบูรณ์” สดุดี 130:7

ในพระองค์มีการไถ่อย่างสมบูรณ์ หมายถึงในพระองค์มีความรอดพ้นบาปจากการถูกผลักทิ้งที่บึงไฟนรก ในพระองค์มีความรอดที่สมบูรณ์หรือการไถ่บาปอย่างสมบูรณ์ ผู้ที่เชื่อวางใจในพระองค์จะมีชีวิตนิรันดร์ ผู้คนในโลกนี้ยังไม่เคยรู้ความจริงนี้อีกจำนวนมากเราต้องช่วยกันออกประกาศ คนโลกนี้ที่มีมารู้จักพระองค์เพียงประมาณหนึ่งในสามเท่านั้น อีกสองในสามยังไม่ได้รับความรอดเลย ผู้รับใช้พระองค์ในยุคก่อนไม่ว่าจะเป็นโมเสสก็ดี อิสยาห์ ท่านเยเรมีย์ ท่านเอเสเคียล ฯลฯ ผู้คนเหล่านี้ล้วนทำการออกรับใช้พระองค์ด้วยความร้อนรนและกระตือรือร้นเป็นที่ยิ่ง แม้แต่ในสมัยของพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ก็ดี ไม่ว่าจะเป็นท่านเปโตร เปาโล ยอห์น ทิโมธี และเหล่าสาวกคนอื่นๆ อีกมากมาย ท่านเหล่านี้ที่กล่าวมามีสิ่งต่างๆ มีหัวใจ และมีโลกทัศน์มุมมองต่อการประกาศ การรับใช้พระองค์ที่เหมือนกันดังจะกล่าวโดยสังเขปดังนี้ของเหล่าผู้กล้าแห่งการออกประกาศเทศนาสั่งสอนความจริงแก่โลกนี้คือ

(1) ตื่นตัวและมีความพร้อมอยู่เสมอต่อเสียงเรียกแห่งการรับใช้

การออกประกาศโดยไม่มีข้อแก้ตัวหรือข้ออ้างแต่อย่างใดเลย หากแม้นมีข้ออ้าง ข้อแม้ใดๆ ก็ได้กลับใจเสียใหม่ถ่อมใจลงยอมรับใช้พระองค์ด้วยดีและด้วยความเต็มใจเป็นที่ยิ่ง อิสยาห์เป็นผู้ที่มีประสบการณ์นี้โดยตรงและนำมาสอนเราได้ในทุกๆ วันนี้

“8และข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราจะใช้ผู้ใดไป และผู้ใดจะไปแทนเรา” แล้วข้าพเจ้าทูลว่า “ข้าพระองค์อยู่นี่ พระเจ้าข้า ขอทรงใช้ข้าพระองค์ไปเถิด” 9และพระองค์ตรัสว่า “ไปเถอะและกล่าวแก่ชนชาตินี้ว่า 'ฟังแล้วฟังเล่า แต่อย่าเข้าใจ ดูแล้วดูเล่า แต่อย่ามองเห็น' 10จงกระทำให้จิตใจของชนชาตินี้มึนงง และให้หูทั้งหลายของเขาหนัก และปิดตาของเขาทั้งหลายเสีย เกรงว่าเขาจะเห็นด้วยตาของเขา และได้ยินด้วยหูของเขา และเข้าใจด้วยจิตใจของเขา และหันกลับมาได้รับการรักษาให้หาย”” อิสยาห์ 6:8-10

โดยเฉพาะถ้อยคำที่ตอกย้ำสอนเราคืออิสยาห์ได้ขานตอบต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า

“ข้าพระองค์อยู่ที่นี่ ขอทรงใข้ข้าพระองค์ไปเถิด”

ขอให้ถ้อยคำนี้ดังก้องอยู่ในชีวิตของเรา พร้อมเสมอที่จะกระทำการประกาศอย่างไม่รีรอ ไม่ชักช้าต่อเสียงเรียกเลย เราต้องออกประกาศทั้งทางตรงและทางอ้อมในทุกๆ โอกาสไม่ว่าร้ายหรือดีเสมอๆ

(2) ภาระแห่งความห่วงใยดวงวิญญาณที่หลงหายไป

“4“ในพวกท่านมีคนใดที่มีแกะร้อยตัว และตัวหนึ่งหายไป จะไม่ละเก้าสิบเก้าตัวนั้นไว้ที่กลางทุ่งหญ้า และไปเที่ยวหาตัวที่หายไปนั้นจนกว่าจะได้พบหรือ 5เมื่อพบแล้วเขาก็ยกขึ้นใส่บ่าแบกมาด้วยความเปรมปรีดิ์ 6เมื่อมาถึงบ้านแล้ว จึงเชิญพวกมิตรสหายและเพื่อนบ้านให้มาพร้อมกัน พูดกับเขาว่า 'จงเปรมปรีดิ์กับข้าพเจ้าเถิด เพราะข้าพเจ้าได้พบแกะของข้าพเจ้าที่หายไปนั้นแล้ว' 7เราบอกท่านทั้งหลายว่า เช่นนั้นแหละ จะมีความปรีดีในสวรรค์ เพราะคนบาปคนเดียวที่กลับใจใหม่ มากกว่าเพราะคนชอบธรรมเก้าสิบเก้าคนที่ไม่ต้องการกลับใจใหม่” ลูกา 15:4-7

องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงตรัสสอนด้วยคำอุปมาถึงหัวใจของผู้ที่มีใจเมตตาสงสารดวงวิญญาณที่ยังไม่ได้รับความรอด ภาระใจนี้มาจากหัวใจที่ใกล้ชิดกับองค์พระผู้เป็นเจ้าและซึมซับเอาหัวใจอย่างพระองค์เข้ามาเป็นหัวใจของตนเองอย่างพระองค์ เรียนจากพระองค์เลียนแบบพระองค์ อ้อนวอนและร้องไห้เพื่อดวงวิญญาณที่หลงหายไปให้ได้กลับมาสู่อ้อมอกของพระบิดาอีกครั้ง ผู้ที่จะมีชีวิตเช่นนี้ต้องใกล้ชิดกับพระองค์อย่างแนบแน่นเป็นแน่แท้

(3) เป็นผู้ที่ยอมอุทิศตนเพื่อผู้อื่นเหมือนแบบอย่างอันดีขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า

องค์พระคริสต์เจ้าได้ทรงเป็นพระผู้ไถ่บาปของเราตามที่พระวจนะได้บันทึกเอาไว้ดังนี้

“พระเยซูทรงสละพระองค์เองเพราะบาปของเราทั้งหลาย เพื่อช่วยเราให้พ้นจากยุคปัจจุบันอันชั่วร้าย ตามน้ำพระทัยพระบิดาเจ้าของเรา” กาลาเทีย 1:4,
“ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว ข้าพเจ้าเองไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินอยู่โดยศรัทธาในพระบุตรของพระเจ้า ผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า” กาลาเทีย 2:20

กล่าวไว้อย่างชัดเจนทรงสละชีวิตทรงทนทุกข์ทรมานที่กางเขนเพื่อความรอดพ้นบาปของคนบาปทั้งปวง พระวจนะได้ท้าชวนและสอนเราดังนี้ว่า

“พระองค์ตรัสว่า ซึ่งเจ้าจะเป็นผู้รับใช้ของเรา เพื่อจะยกบรรดาเผ่าของยาโคบขึ้น เพื่อจะให้อิสราเอลที่เหลืออยู่กลับสู่สภาพดีนั้น ดูเป็นการเล็กน้อยเกินไป เราจะมอบให้เจ้าเป็นความสว่างแก่บรรดา ประชาชาติ เพื่อความรอดของเราจะถึงที่สุดปลาย แผ่นดินโลก” อิสยาห์ 49:6

เราพร้อมหรือไม่ในการอุทิศชีวิตของเราเพื่อผู้อื่นตามแบบอย่างของพระคริสต์เจ้า

(4) ผู้ที่จะทำพันธกิจหรือการรับใช้ในพันธกิจต่างๆ โดยกำลังการพึ่งพาในฤทานุภาพขององค์พระผู้เป็นเจ้า

“แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก” กิจการ 1:8

ในการแย่งชิงดวงวิญญาณเราต้องต่อสู้กับระบบของโลก เนื้อหนังของเราเอง และเหล่าซาตานวิญญาณชั่วร้ายต่างๆ เราต้องอาศัยกำลังและฤทธานุภาพจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ข่าวประเสริฐเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คน โลกทัศน์ สังคม แม้กระทั่งประเทศก็เป็นเรื่องปกติ

“16เพราะว่าข้าพเจ้าไม่มีความละอายในเรื่องข่าวประเสริฐ เพราะว่าข่าวประเสริฐนั้นเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้า เพื่อให้ทุกคนที่เชื่อได้รับความรอด พวกยิวก่อน แล้วพวกต่างชาติด้วย 17เพราะว่าในข่าวประเสริฐนั้น ความชอบธรรมของพระเจ้าก็ได้สำแดงออก โดยเริ่มต้นก็ความเชื่อ สุดท้ายก็ความเชื่อ ตามที่พระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า คนชอบธรรมจะมีชีวิตดำรงอยู่โดยความเชื่อ” โรม 1:16-17

ผู้ที่กระทำการต้องกล้าหาญมีชัยชนะเหนือความจำกัดและความอ่อนแอต่างๆ พึ่งพิงในพระองค์อย่างสุดหัวใจแล้วมอบผลการรับใช้ไว้ในแผนการและน้ำพระทัยของพระองค์ ผู้คนยังรอคอยความรอดพ้นบาป นักประกาศผู้รับใช้ของพระองค์พร้อมแล้วหรือยัง

ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงนำและอวยพระพรมายังพี่น้องทุกๆ ท่าน ตื่นตัวพร้อมเสมอ ห่วงใยผู้ที่ยังไม่ได้รับความรอด อุทิศตนตามแบบพระคริสต์เจ้า และทำการโดยฤทธานุภาพจากพระองค์ครับผม พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้าครับ

bottom of page