top of page

พบกับ ศบ. ฉบับวันที่ 20 มิถุนายน 2021

อัปเดตเมื่อ 3 ก.ค. 2564

พบกับ ศจ.ดร. วัฒนา พรหมโคตร ศิษยาภิบาลอาวุโส

ทุกๆ คนทราบเป็นการทั่วไปในชีวิตคนเราว่ามีร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณบำรุงร่างกายอย่างเดียวไม่ได้ จิตใจและจิตวิญญาณต้องการสิ่งบำรุงหล่อเลี้ยงด้านจิตใจและจิตวิญญาณด้วย

12เพราะว่า พระวจนะของพระเจ้านั้นไม่ตายและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ คมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆ แทงทะลุกระทั่งจิตและวิญญาณ ตลอดข้อกระดูกและไขในกระดูก และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย” ฮีบรู 4:12 นี่เป็นพระวจนะในตอนหนึ่งที่สะท้อนความจริงนี้

พระวจนะจะสอนสร้าง เตือนสติ ให้ความหวังและกำลังใจในการต้องสู้กับชีวิตและอุปสรรคปัญหาต่างๆ และใช้ชีวิตบนโลกนี้อย่างมีความสุข

พระวจนะได้เปรียบเทียบมากมายถึงแก่นแท้ของชีวิตมนุษย์คล้ายๆ กับต้นไม้

ตามพระธรรมสดุดีบทที่ 1 ได้กล่าวไว้เขาสามารถเกิดผลและยืนหยัดอยู่ได้ในทุกๆ สภาวะการณ์ต่างๆ ที่แปรเปลี่ยนไปตามฤดูกาลต่างๆ แต่ก็เกิดผลดีมีความสุขแห่งชีวต ต้นไม้มีทั้งส่วนที่มองเห็นได้ด้วยตาและที่ซ่อนไว้จากตาของเรา เช่น ราก และการทำงานภายในระบบดูดซึม สังเคราะห์แสงที่ใบ เป็นต้น

ชีวิตคริสเตียนที่งอกงามมีทั้งสิ่งที่มองเห็นและมองไม่เห็นแต่ก็จะประจักษ์แจ้ง

เมื่ออาจต้องเผชิญกับอุปสรรคปัญหาและสิ่งท้าทายต่างๆ ที่เข้ามาถึงชีวิตก็จะยืนหยัดมั่นคงได้หากผู้นั้นเต็มไปด้วยพระวจนะอยู่ในชีวิตของเขา


6และพระองค์ทรงให้เราเป็นขึ้นมากับพระองค์ และทรงโปรดให้เรานั่งในสวรรคสถานกับพระเยซูคริสต์ 7เพื่อว่าในยุคต่อๆไป พระองค์จะได้ทรงสำแดงพระคุณของพระองค์อันอุดมเหลือล้น ในการซึ่งพระองค์ได้ทรงเมตตาเราในพระเยซูคริสต์” เอเฟซัส 2:6-7


ชีวิตของเขาจะเดินไปอย่างมีความสุขกับองค์พระเยซูคริสต์เจ้า สร้างพัฒนาชีวิตในพระองค์อยู่เสมอ

มั่นคงอยู่ในความเชื่อวางใจในพระองค์ แทนการบ่นจะเต็มไปด้วยคำขอบพระคุณเสมอไป การมีชีวิตเช่นนี้เป็นผลมาจาก


(1) การผูกพันที่แนบแน่นกับองค์พระเยซูคริสสต์เจ้า

ใช้ชีวิตในการติดตามพระองค์ในทุกๆ วัน ดำเนินชีวิตอยู่ในพระวจนะหรือพระโอวาทของพระองค์ แน่นอนพระวจนะสอนเราดังนี้ “17เพื่อพระคริสต์จะทรงสถิตในใจของท่านทางความเชื่อ เพื่อว่าเมื่อท่านได้วางรากลงมั่นคงในความรักแล้ว 18ท่านก็จะได้มีความสามารถหยั่งรู้พร้อมกับธรรมิกชนทั้งหมด ถึงความกว้าง ความยาว ความสูง ความลึก 19คือให้ซาบซึ้งในความรักของพระคริสต์ซึ่งเกินความรู้ เพื่อท่านจะได้รับความไพบูลย์ของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม” เอเฟซัส 3:17-19 เช่น การเข้าเฝ้าเดี่ยวกับพระองค์ในทุกๆ วัน ร่วมสามัคคีธรรมกับคริสตจักรของพระองค์ในทุกๆ วันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันอันทรงพลังในการพักสงบกับพระองค์ รับการเสริมสร้างให้เข้มแข็ง และแข็งแกร่ง พลังแห่งการรักษาวันของพระองค์มหัศจรรย์เกินจะบรรยายได้ รักองค์พระผู้เป็นเจ้าสุดหัวใจ รักตนเอง รักคนอื่นด้วยการปรนนิบัติรับใช้ผู้อื่นเสมือนการปรนนิบัติองค์พระเยซูคริสต์เจ้า


(2) การเติบโตขึ้นในองค์พระผู้เป็นเจ้าในทุกๆ ด้านหรือทุกๆ ส่วนของชีวิต

ทางกาย ทางความคิดจิตใจ และจิตวิญญาณที่เข้มแข็ง ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในการอธิษฐาน การรับใช้ การประกอบสัมมาอาชีพ เราคงยังจำได้ดีถึงพระวจนะในตอนนี้ “28บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลาย หายเหนื่อยเป็นสุข 29จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพและใจอ่อนน้อม และจิตใจท่านทั้งหลายจะได้พัก 30ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา” มัทธิว 11:28-30 ทุกๆ สิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าให้ได้เข้ามาถึงชีวิตของเราล้วนนำไปสู่การเกิดผลอันดีในทุกๆ สิ่งอย่างแน่นอน ผู้ที่เติบโตแล้วจะคิดถึงผู้อื่น และมีจิตใจกว้างขวางมองอุปสรรคในชีวิตเป็นอุปกรณ์พร้อมที่จะเป็นต้นไม้ใหญ่ยืนต้นท้าลม ฝน พายุต่างๆ ที่แม้จะโหมกระหน่ำเข้ามาก็ยังสามารถยืนต้นเกิดผลได้แม้ในปีที่แห้งแล้งก็ไม่ขาดผลดีใดๆ ในชีวิตเลย และตระหนักอยู่เสมอถึงความรักของพระองค์ที่มีต่อชีวิต “37แต่ว่าในเหตุการณ์ทั้งปวงเหล่านี้ เรามีชัยเหลือล้นโดยพระองค์ผู้ได้ทรงรักเราทั้งหลาย 38เพราะข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า แม้ความตาย หรือชีวิต หรือบรรดาทูตสวรรค์ หรือเทพเจ้า หรือสิ่งซึ่งมีอยู่ในปัจจุบันนี้ หรือสิ่งซึ่งจะมีในภายหน้า หรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย 39หรือซึ่งสูง หรือซึ่งลึก หรือสิ่งใดๆอื่นที่ได้ทรงสร้างแล้วนั้น จะไม่สามารถกระทำให้เราทั้งหลายขาดจากความรักของพระเจ้า ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้” โรม 8:37-39 นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง


(3) การมีชีวิตที่มุ่งมั่นสู่จุดหมายปลายทางของชีวิต

1เหตุฉะนั้นเมื่อเรามีพยานพรั่งพร้อมอยู่รอบข้างเช่นนี้แล้ว ก็ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่ และบาปที่เกาะแน่น ขอให้เราวิ่งแข่งด้วยความเพียรพยายาม ตามที่ได้กำหนดไว้สำหรับเรา 2หมายเอาพระเยซูเป็นผู้บุกเบิกความเชื่อ และผู้ทรงทำให้ความเชื่อของเราสมบูรณ์ พระองค์ได้ทรงอดทนต่อกางเขน เพื่อความรื่นเริงยินดีที่ได้เตรียมไว้สำหรับพระองค์ ทรงถือว่าความละอายนั้นไม่เป็นสิ่งสำคัญและพระองค์ได้ประทับ ณ เบื้องขวาพระที่นั่งของพระเจ้า” ฮีบรู 12:1-2 ไม่มีอะไรสามารถที่จะนำชีวิตของผู้ที่เอาจริงเอาจังในพระองค์ออกนอกเส้นทางหรือวิถีแห่งชีวิตคริสเตียนได้เลย การได้อยู่ที่แผ่นดินสวรรค์กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเรื่องใหญ่ยิ่งและสำคัญสูงสุดแห่งชีวิต การได้สำแดงชีวิตแห่งการสำนึกในพระคุณ การได้รับใช้พระองค์สนองพระคุณของพระองค์เป็นเรื่องใหญ่และสูงสุดในชีวิต เปาโลเป็นผู้มีประสบการณ์เช่นนี้สอนเราดังนี้ “20ขอให้พระเกียรติจงมีแด่พระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ กระทำสารพัดมากยิ่งกว่าที่เราจะทูลขอหรือคิดได้ ตามฤทธิ์เดชที่ประกอบกิจอยู่ภายในตัวเรา 21ขอให้พระเกียรติจงมีแด่พระองค์ในคริสตจักร และในพระเยซูคริสต์ตลอดทุกชั่วอายุคนเป็นนิตย์ อาเมน” เอเฟซัส 3:20-21 ชีวิตของเราขอให้ได้อยู่เพื่อการถวายพระเกียรติและประกาศพระนามของพระองค์อย่างสูงสุดก็เป็นที่ชื่นชอบแล้ว


การมีชีวิตอยู่ในพระวจนะจะส่งผลต่อชีวิตของเราในหลากหลายด้าน การมีชีวิตที่เหมือนละม้ายคล้ายคลึงกับองค์พระเยซูคิสต์เจ้า ชีวิตที่เจริญขึ้นสู่พระองค์ในทุกๆ มิติในทุกๆ วันและชีวิตที่สำแดงพระองค์แก่โลกนี้ว่าพระองค์ทรงรักทุกๆ คนและปรารถนาที่จะเห็นทุกๆ คนได้หันหลังให้กับความบาปผิดต่างๆ และกลับเข้ามาสู่อ้อมอกในพระองค์

พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้าครับผม

ดู 11 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page