คริสตจักรขอนแก่นยินดีต้อนรับพี่น้องทุกๆ ท่านสู่การนมัสการในทุกๆ รอบด้วยความชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าถ้วนหน้ากันและเต็มไปด้วยพระคุณพระพรและสันติสุขในพระองค์เป็นที่ยิ่ง เรายังคงอยู่ในเดือนแห่งครอบครัวและเดือนแห่งการส่งเสริมความเป็นผู้นำคริสเตียน ในสัปดาห์นี้ขอกลับมากล่าวถึงผู้นำคริสเตียนในสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสอนเราเอาไว้อย่างมากมายทั้งในพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมและในภาคพันธสัญญาใหม่อย่างเด่นชัดและในหลากหลายบริบท ผู้นำคริสเตียนเป็นผู้ที่อุทิศตนหรือถวายตนไว้กับพระคริสต์เจ้า และได้รับการสอนการฝึกฝน การเสริมสร้างในด้านต่างๆ อย่างบูรณาการโดยมีใจปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะรับใช้พระองค์ คนของพระองค์และทุกๆ คนในโลกนี้เพื่อจะได้พาผู้คนเหล่านั้นกลับเข้ามายังแผ่นดินของพระองค์และจะได้ดำเนินชีวิตในพระวจนะของพระองค์อย่างมีความสุข ผู้นำเป็นบุคคลผู้ใฝ่เรียนรู้ใฝ่รู้ตลอดชีวิต เรียนกับองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยตนเองหรือผ่านคนของพระองค์ในเหตุการณ์ต่างๆ อย่างบูรณาการ ผู้นำคริสเตียนเป็นผู้ที่เกี่ยวพัน ผูกพันอย่างแนบแน่นกับองค์พระผู้เป็นเจ้า เอาใจใส่ตนเอง รักตนเองและรักผู้อื่น เอาใจใส่ผู้อื่นเสมอกับตนเองเป็นสำคัญ การทำพันธกิจต่างๆ เพื่อการเกิดผลเป็นพระพร จึงยุ่งยากลำบากเป็นงานที่หนักต้องทุ่มเทและเอาใจใส่ พันธกิจของการเป็นผู้นำคริสเตียนจะสำเร็จและลุล่วงไปด้วยดีจำเป็นต้องพึ่งพิงและวางใจในพระองค์อย่างสุดหัวใจ เปาโลสอนเราว่า
“18และขอให้ตาใจของท่านสว่างขึ้น เพื่อท่านจะได้รู้ว่า ในการที่พระองค์ทรงเรียกท่านนั้น พระองค์ได้ประทานความหวังอะไรแก่ท่าน และรู้ว่า มรดกของพระองค์สำหรับธรรมิกชนมีสง่าราศีอันอุดมบริบูรณ์เพียงไร” เอเฟซัส 1:18
ผู้นำคริสเตียนเป็นผู้ที่พระองค์ได้ทรงเลือกสรรไว้เป็นกรณีพิเศษเพื่อพันธกิจของพระองค์โดยเฉพาะ
โรม 11:29 “29เพราะว่าพระเจ้ามิได้ทรงกลับพระทัย ในการที่ได้ทรงให้ของประทานและทรงเลือกสรรไว้”
และ
เอเฟซัส 4:1 “1เหตุฉะนั้นข้าพเจ้า ผู้ถูกจำจองเพราะเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอวิงวอนท่านให้ดำเนินชีวิตสมกับพันธกิจอันเนื่องจากการทรงเรียกท่านนั้น”
การทำพันธกิจของความเป็นผู้นำคริสเตียนจึงต้องพึ่งพิงในฤทธานุภาพสูงสุดของพระองค์ และพระองค์จะทรงนำให้เกิดผลในหลากหลายยุทธวิธี เช่น
(1) พระองค์จะทรงสอนและเตรียมผู้นำด้วยฤทธานุภาพขององค์พระวิญญาณบริสุทธิ์
ให้เราใกล้ชิดกับองค์พระเยซูคริสต์เจ้ารับการสอนจากพระองค์
“26ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย จงพิจารณาดูว่า พวกท่านที่พระเจ้าได้ทรงเรียกมานั้นเป็นคนพวกไหน มีน้อยคนที่โลกนิยมว่ามีปัญญา มีน้อยคนที่มีอำนาจ มีน้อยคนที่มีตระกูลสูง” 1 โครินท์ 1:26
และ
“6พระวิญญาณบริสุทธิ์ห้ามมิให้กล่าวพระวจนะของพระเจ้าในแคว้นเอเชีย ท่านเหล่านั้นจึงไปทั่วแว่นแคว้นฟรีเจียกับกาลาเทีย 7เมื่อลงไปยังที่ตรงข้ามกับแคว้นมิเซียแล้ว ก็พยายามจะไปยังแว่นแคว้นบิธีเนีย แต่พระวิญญาณของพระเยซูไม่ทรงโปรดให้ไป, 9ในเวลากลางคืน เปาโลได้นิมิตเห็นชาวมาซิโดเนียคนหนึ่งยืนอ้อนวอนว่า “ขอโปรดมาช่วยพวกข้าพเจ้าในแคว้นมาซิโดเนียเถิด” 10ครั้นท่านเห็นนิมิตนั้นแล้ว เราจึงหาโอกาสทันทีที่จะไปยังแคว้นมาซิโดเนีย ด้วยเห็นแน่ว่า พระเจ้าได้ทรงเรียกเราให้ไปประกาศข่าวประเสริฐแก่ชาวแคว้นนั้น” กิจการ 16:6-7, 9-10
พระองค์จะทรงเตือนสติและทรงนำไปในที่ต่างๆ ตามชอบพระทัยของพระองค์ ชีวิตของผู้นำคริสเตียนจะเรียนรู้ที่จะไว้วางใจในพระองค์เป็นที่ยิ่ง
“5จงวางใจในพระเจ้าด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง 6จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า และพระองค์จะทรงกระทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น” สุภาษิต 3:5-6
และยังเป็นผู้ที่ได้ถวายอุทิศตนเพื่อพระเป็นเจ้าอย่างเฉพาะเจาะจงอีกด้วย
“1พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอันบริสุทธิ์และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่านทั้งหลาย 2อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัยและอะไรดียอดเยี่ยม” โรม 12:1-2
โดยมีภาระกิจหลักๆ คือการนำผู้คนเข้าถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นสำคัญนั่นเอง
“14ที่ไหนที่ไม่มีการนำ ประชาชนก็ล้มลง แต่ในที่ซึ่งมีที่ปรึกษามากย่อมมีความปลอดภัย” สุภาษิต 11:14
(2) พระองค์จะทรงเสริมสร้างชีวิตของผู้นำคริสเตียนให้ได้นำหรือได้ทำพันธกิจอย่างแข็งแกร่งและเข้มแข็ง
ผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้ามักจะยอมรับถึงความอ่อนแอและข้อจำกัดต่างๆ ของตนเองอย่างมากมาย ในพระองค์มีพลังอำนาจอันไม่จำกัดเพื่อการเกิดผลในพระองค์อย่างมากมาย
“8แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก” กิจการ 1:8
เราคงจะคุ้นเคยกับพระวจนะในข้อนี้และยังมีอีกหลากหลายตอน เช่น เปาโลกล่าวหนุนใจเราว่า
“5และข่าวประเสริฐของเราที่มาถึงท่านมิใช่มาด้วยถ้อยคำเท่านั้น แต่ด้วยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ และด้วยความไว้ใจอันเต็มเปี่ยม ท่านทั้งหลายรู้อยู่แล้วว่า เราเป็นคนอย่างไรในหมู่พวกท่านเพราะเห็นแก่ท่าน” 1 เธสะโลนิกา 1:5
และเมื่อกษัตริย์ดาวิดได้รับการทรงเจิมท่านก็สามารถทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างอัศจรรย์ใจเป็นที่ยิ่งในเวลาต่อๆ มา
“13ซามูเอลจึงนำขวดเขาน้ำมันและ เจิมตั้งเขาไว้ท่ามกลางพี่ชายของเขา และพระวิญญาณของพระเจ้าก็สวมทับ ดาวิดอย่างมากตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป และซามูเอลก็ลุกขึ้นกลับไปยังรามาห์” 1 ซามูเอล 16:13
เป็นต้น ผู้นำคริสเตียนต้องติดสนิทในองค์พระผู้เป็นเจ้าและขาดพระองค์ไม่ได้
(3) ผู้นำจะได้รับพระพรของประทานหรือความสามารถพิเศษในการนำผู้คนในการรับใช้พระองค์อย่างดีอย่างเป็นประจักษ์
“11สิ่งสารพัดเหล่านี้ พระวิญญาณองค์เดียวกันทรงบันดาลและประทานแก่แต่ละคนตามชอบพระทัยพระองค์” 1 โครินทธ์ 12:11
และ
“7การสำแดงของพระวิญญาณนั้นมีแก่ทุกคนเพื่อประโยชน์ร่วมกัน” 1 โครินทธ์ 12:7
พระองค์ทรงสอนเราว่า
“10ตามซึ่งทุกคนได้รับของประทานที่ทรงประทานให้แล้ว ก็ให้ใช้ของประทานนั้นเพื่อประโยชน์แก่กันและกัน เป็นผู้รับมอบฉันทะที่ดี ที่แจกและสำแดงพระคุณนานาประการของพระเจ้า” 1 เปโตร 4:10
พระธรรมโรม 12:3-8 สอนเราว่า “3ข้าพเจ้าขอกล่าวแก่ท่านทั้งหลายทุกคนโดยพระคุณ ซึ่งทรงประทานแก่ข้าพเจ้าแล้วว่า อย่าคิดถือตัวเกินที่ตนควรจะคิดนั้น แต่จงคิดให้ถ่อมสุขุมสมกับขนาดความเชื่อ ที่พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานแก่ท่าน 4เพราะว่า ในร่างกายอันเดียวนั้น เรามีอวัยวะหลายอย่าง และอวัยวะนั้นๆมิได้มีหน้าที่เหมือนกันฉันใด 5พวกเราผู้เป็นหลายคนยังเป็นกายอันเดียวในพระคริสต์และเป็นอวัยวะแก่กันและกันฉันนั้น 6และเราทุกคนมีของประทานที่ต่างกัน ตามพระคุณที่ได้ประทานให้แก่เรา คือถ้าเป็นการเผยพระวจนะ ก็จงเผยตามกำลังของความเชื่อ 7ถ้าเป็นการปรนนิบัติก็จงปรนนิบัติ ถ้าเป็นการสั่งสอนก็จงสั่งสอน 8ถ้าเป็นการเตือนสติก็จงเตือนสติ ถ้าเป็นการบริจาค ก็จงให้ด้วยใจกว้างขวาง ผู้ที่ครอบครอง ก็จงครอบครองด้วยเอาใจใส่ ผู้ที่แสดงความเมตตา ก็จงแสดงด้วยใจยินดี”
พระองค์ได้ทรงประทานของขวัญอันล้ำค่าแก่ผู้นำคริสเตียนเพื่อคนของพระองค์จะแบ่งปันและแจกจ่ายสิ่งที่ดีเหล่านั้นไปยังผู้อื่นต่อๆ ไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดนั่นเอง
ผู้นำคริสเตียนจึงต้องติดสนิทใกล้ชิดกับองค์พระผู้เป็นเจ้าเสมอ ทำพันธกิจโดยพึ่งพิงในฤทธานุภาพสูงสุดในพระองค์ และพระองค์ได้ประทานของขวัญอันเลิศในตัวผู้นำคริสเตียนแล้วให้ใช้สิ่งเหล่านั้นอย่างมีความสุขและให้ได้ถวายพระเกียรติสูงสุดแด่พระเป็นเจ้า ขอพระองค์ทรงอำนวยอวยพระพรมายังพี่น้องทุกๆ ท่านและพบกันใหม่ในสัปดาห์หน้าครับผม
Comments