top of page

บทความจากศิษยาภิบาล ฉบับวันที่ 16 มกราคม 2022

บทความจากศิษยาภิบาลคริสตจักรขอนแก่น ศจ.ดร.วัฒนา พรหมโคตร



ขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าที่เราก้าวมาถึงสัปดาห์ที่สามแล้วของปี 2022 ด้วยพระคุณขององค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นสิ่งที่ดีที่เราจะมีโอกาสมาทบทวนถึงคำสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้าในการใช้ชีวิตของเราด้านการบริหารจัดการชีวิตด้านทรัพย์สินสิ่งของ เรื่องเงินๆ ทองๆ ของคนขององค์พระผู้เป็นเจ้าในเดือนแห่งการถวายผลแรกของทุกๆ ปีที่เราได้ตั้งในเดือนมกราคมเป็นเดือนแห่งพระพรของการถวายเพื่อตลอดทั้งปีจะเต็มไปด้วยพระพร การเริ่มต้นปีที่ดีที่ถูกต้องเสมือนกับการได้กลัดกระดุมเม็ดแรกที่เราได้สวมใส่เสื้ออย่างถูกต้อง เม็ดต่อๆ ไปก็จะเป็นไปด้วยดีเช่นกัน พระวจนะได้สอนเราเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจังหลากหลายที่เพราะคนขององค์พระผู้เป็นเจ้าย่อมบริหารจัดการชีวิตด้านนี้อย่างชาญฉลาดและถวายพระเกียรติแด่พระองค์ในที่สูงสุด

เหตุฉะนั้นถ้าท่านทั้งหลายไม่สัตย์ซื่อในทรัพย์สมบัติอธรรม ใครจะมอบทรัพย์สมบัติอันแท้ให้แก่ท่านเล่า” ลูกา 16:11

ได้กล่าวสอนให้เราเป็นคนที่สัตย์ซื่อในการดำเนินชีวิตกับพระองค์ และยังมีคำสอนเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งโดยตรงและโดยทางอ้อมอีกว่า

23จงรู้ความทุกข์สุขของฝูงแพะแกะของเจ้าให้ดี และจงเอาใจใส่ฝูงโคของเจ้า 24เพราะความมั่งคั่งไม่ได้ทนอยู่ได้เป็นนิตย์ และมงกุฎทนอยู่ได้ทุกชั่วชาติพันธุ์หรือ” สุภาษิต 27:23-24

พระวจนะยังสอนเราให้ดำเนินชีวิตอย่างคนของพระองค์อีกว่า “แผนงานของคนขยันขันแข็งนำสู่ความอุดมแน่นอน แต่ทุกคนที่เร่งร้อนก็มาสู่ความขัดสนเท่านั้น” สุภาษิต 21:5 และ “คลังทรัพย์ประเสริฐและน้ำมันมีอยู่ในที่อาศัยของคนฉลาด แต่คนโง่กินมันหมด” สุภาษิต 21:20 ได้ย้ำเตือนให้เรารู้จักใช้จ่ายทรัพย์สินสิ่งของที่เราครอบครอบอยู่ตามวิธีการ หรือตามวิถีแห่งพระวจนะได้ทรงสอนเราไว้ ซึ่งจะกล่าวโดยสังเขปในการบริหารจัดการเรื่องเงินๆ ทองๆ ดังนี้คือ


(1) ทรัพย์สินสิ่งของเงินทองต่างๆ แม้แต่ชีวิตของเราเองก็ล้วนมาจากพระเจ้าและเป็นของพระองค์

แผ่นดินโลกกับสรรพสิ่งในนั้น เป็นของพระเจ้า ทั้งพิภพกับบรรดาผู้ที่อยู่ในพิภพนั้น” สดุดี 24:1 เราเกิดมามือเปล่าๆ และเวลาจากโลกนี้ก็จะต้องไปแบบมือเปล่าๆ เช่นกัน สิ่งที่เราครอบครองอยู่ล้วนเป็นพระพรมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงได้ประทานให้และอนุญาตให้เราครอบครอง เราคือคนต้นเรือนของพระองค์ต้องสัตย์ซื่อในการบริหารจัดการสินทรัพย์ ชีวิตของเราตามแผนการและน้ำพระทัยของพระองค์เท่านั้นจึงจะยั่งยืนและเกิดประโยชน์อย่างสูงสุดถวายพระเกียรติแด่พระองค์

(2) คนขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะรู้จักการวางแผนชีวิตและบริหารจัดการสินทรัพย์ต่างๆ อย่างชาญฉลาด

คือมีความยำเกรงในองค์พระผู้เป็นเจ้านั่นเอง “ด้วยว่าในพวกท่านมีผู้ใดเมื่อปรารถนาจะสร้างตึก จะไม่นั่งลงคิดราคาดูเสียก่อนว่า จะมีพอสร้างให้สำเร็จได้หรือไม่” ลูกา 14:28 นี่เป็นพระวจนะตอนหนึ่งที่ได้สอนเราให้รู้จักการวางแผนในอนาคต รู้จักการจัดการคิดคำนวนงบประมาณการใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าเกิดผลดีทั้งต่อตนเอง และผู้อื่นและเป็นการประกาศพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าไปในคราวเดียวกันได้ด้วย ทำอย่างไรทรัพย์สินต่างๆ ในการครอบครองของเราจึงจะเป็นประโยชน์สูงสุด การลงทุนในสิ่งที่เป็นพระพร ช่วยเหลือเด็กกำพร้า หญิงม่าย คนยากจน คนด้อยโอกาสในสังคม ฯลฯ

(3) ถวายสิบลดด้วยความสัตย์ซื่อยำเกรงในองค์พระผู้เป็นเจ้า

พระองค์ทรงสอนให้เรารักษาชีวิตให้อยู่ในพระคำของพระองค์ “เหตุฉะนี้ถ้าเจ้าฟังเสียงเรา และรักษาพันธสัญญาของเราไว้ เจ้าจะเป็นกรรมสิทธิ์ของเราที่เราเลือกสรรจากท่ามกลาง ชนชาติทั้งปวง เพราะแผ่นดินทั้งสิ้นเป็นของเรา” อพยพ 19:5 โดยเฉพาะในเรื่องสิบชักหนึ่งหรือถวายหนึ่งในสิบของทรัพย์สินต่างๆ ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอนุญาตให้เราครอบครองอยู่ ผลได้เป็นปีๆ จากพืชพันธุ์ในนาของท่านนั้น ท่านจงถวายทศางค์” เฉลยธรรมบัญญัติ 14:22 แล “จงถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยทรัพย์สินของตน และด้วยผลแรกแห่งผลิตผลทั้งสิ้นของเจ้า” สุภาษิต 3:9 และอีกหลากหลายตอนในพระวจนะก็ได้กล่าวสอนให้เราสัตย์ซื่อในสิ่งเหล่านี้ พระพรต่างๆ ย่อมไม่ขาดไปจากชีวิตของคนที่สัตย์ซื่อยำเกรงในพระองค์อย่างแน่นอน

(4) คนรู้จักการอดออมเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็นของช่วงชีวิตที่อาจจะเกิดขึ้นได้

พระวจนะได้สอนเราว่า “คลังทรัพย์ประเสริฐและน้ำมันมีอยู่ในที่อาศัยของคนฉลาด แต่คนโง่กินมันหมด” สุภาษิต 21:20 และแน่นอนเรามักจะคุ้นเคยกับพระวจนะข้อนี้ “มด เป็นประชากรที่ไม่แข็งแรง แต่มันยังเตรียมอาหารของมันไว้ในฤดูแล้ง” สุภาษิต 30:25 มดเป็นสัตว์ที่สอนเราให้รู้จักการอดออมและคิดเผื่อสำหรับวันข้างหน้าของชีวิตบ้าง คำแนะนำที่ควรจะอดออมคือ 10% ของรายได้คล้ายๆ กับจำนวนของสิบลดที่เราได้ถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า ออมไว้ในจำนวนที่เท่าๆ กัน วันข้างหน้าจะได้ใช้ประโยชน์จากเงินออมอย่างแน่นอน

(5) หลีกหนีการเป็นหนี้ที่ไม่จำเป็น

การใช้เงินเกินกำลังที่เราจะหามาได้เป็นการใช้ชีวิตที่ไม่ถวายพระเกียรติแด่พระองค์ การเป็นหนี้ในสิ่งที่จำเป็นก็เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ บางคราวการกู้ยืมเงินทองก็เป็นเรื่องสำคัญแต่ต้องจำเป็นเท่านั้น เช่น การซื้อบ้าน การลงทุนที่เหมาะสม ฯลฯ การใช้ของฟุ้มเฟือยเกินความจำเป็น เกินสถานภาพของเราเป็นสิ่งที่พึงหลีกหนีให้ห่างไกล “26อย่าเป็นพวกที่ตกปากลงคำ อย่าเป็นพวกผู้เป็นประกันหนี้สิน 27ถ้าเจ้าไม่มีอะไรชำระเขา ทำไมจึงควรให้เขาเอาที่นอนไปจากใต้ตัวเจ้าเล่า” สุภาษิต 22:26-27

(6) ให้ฝึกตนเป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้อื่นอย่างไม่มีเงื่อนไขใด

คล้ายๆ กับเป็นการเอาดินไปถมหุบเหวนั่นเอง หรือเสมือนการโยนขนมบังทิ้งลงในน้ำตามพระวจนะสอน “จงโยนขนมปังของเจ้าลงบนน้ำ อีกหลายวันเจ้าจะพบมันได้” ปัญญาจารย์ 11:1 พระวจนะตอนนี้จะคุ้นๆ กับชีวิตของเราลองพิจารณาอย่างถ้วนถี่ดู “จงให้เขา และท่านจะได้รับด้วย และในตักของท่านจะได้รับตวงด้วยทะนานถ้วนยัดสั่นแน่นพูนล้นใส่ให้ เพราะว่าท่านจะตวงให้เขาด้วยทะนานอันใด พระเจ้าจะได้ทรงตวงให้ท่านด้วยทะนานอันนั้น” ลูกา 6:38

(7) คนขององค์พระผู้เป็นเจ้าคือคนขยันขันแข็งในอาชีพหน้าที่การงานต่าง

การขยันทำมาหากินจะเป็นหลักประกันว่าเราจะมีสิ่งของจำเป็นในชีวิตอย่างบริบูรณ์และเพียงพออย่างแน่นอน “มีกำไรอยู่ในงานทุกอย่าง การเพียงแต่พูดนั้นโน้มไปทางความขาดแคลน” สุภาษิต 14:23 และ “ทรัพย์ศฤงคารที่ได้มาอย่างเร่งร้อนจะยอบแยบลง แต่บุคคลที่ส่ำสมทีละเล็กทีละน้อยจะได้เพิ่มพูนขึ้น” สุภาษิต 13:11

สิ่งสำคัญใหญ่ยิ่งในชีวิตของเราคือการไว้วางใจในพระองค์ และดำเนินชีวิตตามพระธรรมคำสอนอย่างสัตย์ซื่อและยำเกรงในพระองค์ เปาโลสอนเราเช่นกันว่า “11ข้าพเจ้าไม่ได้บ่นถึงเรื่องความขัดสน เพราะข้าพเจ้าจะมีฐานะอย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็เรียนรู้แล้วที่จะพอใจอยู่อย่างนั้น 12ข้าพเจ้ารู้จักที่จะเผชิญกับความตกต่ำ และรู้จักที่จะเผชิญกับความอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าในกรณีใดๆ ข้าพเจ้ารู้จักเคล็ดลับที่จะเผชิญกับความอิ่มท้องและความอดอยาก ความสมบูรณ์พูนสุข และความขัดสน” ฟิลิปปี 4:11-12 และ “และพระเจ้าของข้าพเจ้าจะประทานสิ่งสารพัดที่พวกท่านขาดอยู่นั้น จากทรัพย์อันรุ่งเรืองของพระองค์ในพระเยซูคริสต์” ฟิลิปปี 4:19 อาเมน พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้าครับผม


ดู 42 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page