top of page

บทความจากศิษยาภิบาล ฉบับวันที่ 15 พฤษภาคม 2022

บทความโดย ศจ.ดร.วัฒนา พรหมโคตร
ศิษยาภิบาลอาวุโสคริสตจักรขอนแก่น

คริสตจักรขอนแก่นยินดีต้อนรับพี่น้องทุกๆ ท่านสู่การนมัสการในทุกๆ รอบด้วยความชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างมีความสุขในพระองค์อย่างทั่วถ้วนกัน ในสัปดาห์นี้ใคร่นำพี่น้องมาถึงการเรียนรู้ถึงคุณค่า บทบาทหน้าที่ของคริสตจักรหรือพระกายขององค์พระผู้เป็นเจ้าต่อการสร้างสาวกของพระองค์ ซึ่งถือว่าเป็นพันธกิจที่ดีมีคุณค่าความสำคัญยิ่งต่อดวงวิญญาณที่หลงหายไปในโลกนี้และมีความสำคัญอันเร่งด่วน แน่นอนพระมหาบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้ายังคงก้องอยู่ในชีวิตของเหล่าผู้เชื่อที่เป็นสาวกของพระองค์เสมอ คือ

“18พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้แล้วตรัสกับเขาว่า “ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว 19เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ 20สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค”” มัทธิว 28:18-20

พวกเราผู้เป็นคนต้นเรือนของพระองค์ต้องสัตย์ซื่อและเชื่อฟังต่อพระมหาบัญชาของพระองค์ด้วยความยำเกรงในพระองค์เป็นที่ยิ่ง และเปาโลก็ยังย้ำเตือนคริสตจักรของพระองค์ว่า

“1ให้ทุกคนถือว่าเราเป็นคนรับใช้ของพระคริสต์ และเป็นผู้อารักขาสิ่งล้ำลึกของพระเจ้า 2ฝ่ายผู้อารักขาเหล่านั้นต้องเป็นคนที่ไว้วางใจได้ทุกคน” 1 โครินธ์ 4:1-2

พวกเราคือเหล่าบุตราบุตรีขององค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นคนรับใช้ของพระองค์อย่างถ้วนหน้าหรือเสมอหน้ากัน ทรงแต่งตั้ง เจิมตั้งทุกๆ คนให้ได้เป็นผู้อารักขาหรือคนต้นเรือนในสิ่งล้ำลึกคือข่าวประเสริฐของพระองค์ และพระองค์ทรงประสงค์ที่จะเห็นทุกๆ คนเป็นคนที่พระองค์ทรงวางพระทัยในชีวิตของเราทุกๆ คนนั่นเอง การสร้างสาวกเป็นสิ่งที่พวกเราต้องเรียนรู้และพัฒนาในการรับใช้ให้ได้จำเริญขึ้นอยู่เสมอไปในการสร้างสาวก


(1) พวกเราต้องกระทำพันธกิจของพระองค์ทั้งสองด้านคือพันธกิจในเชิงรุกและพันธกิจในเชิงรับควบคู่กันไปอย่างถูกต้องและเหมาะสม

คริสตจักรต้องออกไปเป็นพยานนำผู้คนมาถึงองค์พระคริสต์เจ้า พระองค์ทรงสอนเราในเรื่องนี้ที่น่าจดจำคือทรงละแกะ 99 ตัวที่ปลอดภัยดีแล้วตามหาเพียง 1 ตัวที่หลงหายไป ซึ่งย่อมบ่งบอกว่าการตามหา การออกไปทำพันธกิจในเชิงรุกและเชิงรับมีความจำเป็นและเร่งด่วน เปาโลกล่าวว่า

“15ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงขวนขวายที่จะประกาศข่าวประเสริฐแก่ท่านทั้งหลายที่อยู่ในกรุงโรมด้วย 16เพราะว่าข้าพเจ้าไม่มีความละอายในเรื่องข่าวประเสริฐ เพราะว่าข่าวประเสริฐนั้นเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้า เพื่อให้ทุกคนที่เชื่อได้รับความรอด พวกยิวก่อน แล้วพวกต่างชาติด้วย 17เพราะว่าในข่าวประเสริฐนั้น ความชอบธรรมของพระเจ้าก็ได้สำแดงออก โดยเริ่มต้นก็ความเชื่อ สุดท้ายก็ความเชื่อ ตามที่พระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า คนชอบธรรมจะมีชีวิตดำรงอยู่โดยความเชื่อ” โรม 1:15-17

การออกทำพันธกิจเริ่มต้นวันนี้ ฉวยโอกาสในทุกๆ โอกาสที่มีอยู่ในชีวิตของพวกเรา เริ่มง่ายๆ จากคนที่อยู่ใกล้ๆ เราที่ยังไม่ได้พบพระคริสต์เจ้าและค่อยขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ ด้วยฤทธิ์เดชแห่งองค์พระวิญญาณ

“แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก” กิจการ 1:8

(2) พวกเราต้องสำแดงความรักของพระองค์ต่อผู้คนและทุกๆ คนในโลกนี้อย่างเสมอหน้ากัน

ไม่มีเงื่อนไขใด ไม่เลือกภาษา สีผิวเผ่าพันธุ์ใดๆ ไม่ว่าจะเป็นใคร เพศ อายุก็ไม่ขัดขวางต่อพันธกิจนี้ ความรักแท้ที่เป็นการกระทำไม่ใช่เพียงแค่คำพูดเท่านั้น

“13เพราะว่า ผู้ที่ร้องออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะรอด 14แต่ผู้ที่ยังไม่เชื่อในพระองค์ จะทูลขอต่อพระองค์อย่างไรได้ และผู้ที่ยังไม่ได้ยินถึงพระองค์ จะเชื่อในพระองค์อย่างไรได้ และเมื่อไม่มีผู้ใดประกาศให้เขาฟัง เขาจะได้ยินถึงพระองค์อย่างไรได้ 15และถ้าไม่มีใครใช้เขาไป เขาจะไปประกาศอย่างไรได้ ตามที่มีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เท้าของคนเหล่านั้นที่นำข่าวดีมา ช่างงามจริงๆ หนอ” โรม 10:13-15

เปาโลหนุนใจพวกเราว่า

“คำนี้เป็นคำจริงและสมควรที่คนทั้งปวงจะรับไว้ คือว่าพระเยซูคริสต์ได้เสด็จมาในโลก เพื่อจะได้ทรงช่วยคนบาปให้รอด และในพวกคนบาปนั้นข้าพเจ้าเป็นตัวเอก” 1 ทิโมธี 1:15

ความรักของพระองค์เป็นอุปกรณ์ที่มีคุณค่าสำคัญที่มีอำนาจทะลุทะลวงหัวใจของคนบาปให้ได้กลับใจเสียใหม่เข้าหาพระคริสต์เจ้าได้

“ถ้าเจ้าทั้งหลายรักกันและกัน ดังนี้แหละคนทั้งปวงก็จะรู้ได้ว่าเจ้าทั้งหลายเป็นสาวกของเรา” ยอห์น 13:35

(3) พวกเราต้องสั่งสอนทุกๆ คนด้วยพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า

สอนด้วยชีวิตที่เป็นแบบอย่าง สอนด้วยฤทธานุภาพขององค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ใช่สอนแต่ความรู้อยู่ในหัวสมองหรือความคิดเท่านั้น และสอนให้ผู้คนรับการเปลี่ยนแปลงชีวิตออกมาจากภายในสู่ภายนอกชีวิตของเรา ความจริงแห่งพระคำข้อเท็จจริงอย่างถูกต้ององค์พระเยซูคริสต์ทรงเป็นใคร มาทำอะไรบนโลกนี้ ฯลฯ การสั่งสอนในพระคำ การเรียนรู้ในพระคำเป็นกระบวนการที่ต้องกระทำอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตของเรา ทั้งเรียนรู้โดยทางตรง โดยทางอ้อมผ่านกระบวนการยุทธวิธีต่างๆ อย่างเหมาะสม ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลชีวิตใหม่ในองค์พระผู้เป็นเจ้า

“เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น” 2 โครินธ์ 5:17

พวกเราต้องปลุกใจซึ่งกันและกันให้เข้าใกล้เข้าถึงพระผู้เป็นเจ้า โดยมีความรักความห่วงใยต่อผู้คนที่หลงหายไปในโลกนี้ซึ่งเป็นแผนการและน้ำพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างแน่นอนสอนต่อผู้คนในโลกนี้

ขอให้พวกเราทุกๆ คนตอบสนองต่อพระมหาบัญชานี้อย่างเอาใจใส่และอย่างเอาจริงเอาจังทุกๆ คนในพระกายของพระคริสต์เจ้าต้องร่วมมือกันคนละไม้คนละมือ แต่ละคนอาจจะรับภาระหน้าที่แตกต่างกันไปตามของประทานที่เรามีอยู่แต่พวกเราก็จะขับเคลื่อนพันธกิจนี้ให้ได้ก้าวไปข้างหน้าร่วมกัน พันธกิจเช่นนี้ยากลำบากมีศัตรูและอุปสรรคอยู่รอบด้าน แต่พวกเราจะไม่ย่อท้อมาร่วมมือกันในการรับใช้พระองค์

“เหตุฉะนั้นพี่น้องที่รักของข้าพเจ้า ท่านจงตั้งมั่นอยู่ อย่าหวั่นไหว จงปฏิบัติงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้บริบูรณ์ทุกเวลา ท่านทั้งหลายพึงรู้ว่า โดยองค์พระผู้เป็นเจ้า การของท่านจะไร้ประโยชน์ก็หามิได้” 1 โครินธ์ 15:58

นี่เป็นพระวจนะที่หนุนใจพวกเราให้ทำพันธกิจทั้งในเชิงรุกในเชิงรับไปพร้อมๆ กัน แบ่งปันความรักเป็นการกระทำด้วยใจกว้างขวางและสอนผู้คนด้วยพระวจนะอันทรงฤทธานุภาพของพระองค์เจ้า แล้วมอบผลไว้ในพระองค์ไม่ว่าจะล้มเหลวหรือประสบความสำเร็จล้วนอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์เสมอ พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้าครับผม

Comments


bottom of page