top of page

บทความจากศิษยาภิบาล ฉบับวันที่ 13 มีนาคม 2022

มีพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้บันทึกเอาไว้ดังนี้ว่า

“25ประตูนครทุกประตูจะไม่ปิดเลยในเวลากลางวัน และจะไม่มีเวลากลางคืนในนครนั้นเลย 26และคนทั้งหลายจะนำศักดิ์ศรีและเกียรติของบรรดาประชาชาติเข้ามาในนครนั้น 27สิ่งใดที่เป็นมลทิน หรือผู้ใดที่ประพฤติเป็นที่น่าสะอิดสะเอียน หรือพูดมุสาจะเข้าไปในนครไม่ได้เลย เฉพาะคนที่มีชื่อจดไว้ในหนังสือชีวิตของพระเมษโปดกเท่านั้นจึงจะเข้าไปได้” วิวรณ์ 21:25-27

ชีวิตคริสเตียนจึงเป็นชีวิตที่ต้องมีการเตรียมชีวิตเป็นพิเศษฝึกฝน กระตือรือร้นหรือตื่นตัวอยู่เสมอๆ มิได้ขาดไปเลยแม้แต่ชั่วเวลาเดียวก็ยังไม่ควรให้พลาดไปได้เลย เราจะต้องใช้ชีวิตตระเตรียมฝึกฝนในสิ่งใดบ้างของชีวิตของเรา ให้เรามาเรียนรู้จากชีวิตจริงของเปาโลกับสิลาสเมื่อท่านได้ถูกจำจองอยู่ในคุกเมืองฟิลิปปีตามพระธรรมกิจการ 16:25-35 (ต้องเปิดอ่านศึกษาเพิ่มเติมครับ)

“25ประมาณเที่ยงคืน เปาโลกับสิลาสก็อธิษฐานและร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า นักโทษทั้งหลายในคุกก็ฟังอยู่ 26ในทันใดนั้น เกิดแผ่นดินไหวใหญ่จนรากคุกสะเทือนสะท้าน และประตูคุกเปิดหมดทุกบาน เครื่องจำจองก็หลุดจากเขาสิ้นทุกคน” กิจการ 16:25-26

จากพระธรรมตอนนี้พระวจนะได้เปิดเผยถึงสิ่งที่สำคัญๆ ในชีวิตคริสเตียนของเราที่ต้องตื่นตัวและพัฒนาอยู่เสมอมีหลายสิ่งซึ่งจะนำมาศึกษาโดยสังเขปได้ดังนี้ จากกรณีชีวิตของเปาโลกับสิลาส เมื่อต้องคดีในการประกาศข่าวประเสริฐเรื่ององค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ถูกโบยด้วยไม้เรียวหลายที ถูกจำไว้ในคุกในห้องชั้นใน เอาเท้าใส่ขื่อไว้อย่างแน่นหนา แต่ในบั้นปลายกลับถูกปล่อยตัวและชีวิตของท่านทั้งสองเป็นเหตุให้นายคุกและครอบครัวได้รับความรอดพ้นบาปได้

“31เปาโลกับสิลาสจึงกล่าวว่า “จงเชื่อและวางใจในพระเยซูเจ้า และท่านจะรอดได้ทั้งครอบครัวของท่านด้วย” 32ท่านทั้งสองจึงกล่าวสั่งสอนพระวจนะของพระเจ้า ให้นายคุกและคนทั้งปวงที่อยู่ในบ้านของเขาฟัง 33ในกลางคืนชั่วโมงเดียวกันนั้นเอง นายคุกจึงพาเปาโลกับสิลาสไปล้างแผลที่ถูกเฆี่ยน และในขณะนั้น นายคุกก็ได้รับบัพติศมาพร้อมทั้งครัวเรือนของเขา” กิจการ 16:31-33

สิ่งเหล่านี้ช่างอัศจรรย์ใจยิ่งแต่สิ่งที่ตอกย้ำคือการที่ชีวิตของเปาโลและสิลาสได้รับการฝึกฝนตระเตรียมมาเป็นอย่างดีจึงสามารถเผชิญกับเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้มาได้อย่างมีชัยชนะและถวายพระเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าในที่สูงสุด

(1) องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงจัดเตรียมชีวิตที่มีหัวใจที่รักในองค์พระผู้เป็นเจ้า

หัวใจเช่นนี้จะมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว แข็งแกร่ง มีชีวิตที่มีจุดมุ่งหมายที่เด่นชัดและแน่นอน สามารถสละได้แม้แต่ชีวิตของตนเองเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าและพันธกิจของพระองค์ ชีวิตที่ละทิ้งความบาป ชีวิตแห่งความชอบธรรมในพระองค์ เป็นคนต้นเรือนที่สัตย์ซื่อและเป็นที่พระองค์ทรงไว้วางใจได้เป็นอย่างดี

“42องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ใครเป็นคนต้นเรือนสัตย์ซื่อและฉลาด ที่นายได้ตั้งไว้เหนือพวกคนใช้สำหรับแจกอาหารตามเวลา 43เมื่อนายมาพบเขากระทำอยู่อย่างนั้น บ่าวผู้นั้นก็จะเป็นสุข 44เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า นายจะตั้งเขาไว้ให้ดูแลบรรดาข้าวของของท่าน” ลูกา 12:42-44

หัวใจที่แข็งแกร่งเช่นนี้มาจากหัวใจที่รักและผูกพันกับองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดชีวิต สุดหัวใจของเรา “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนในชั่วอายุนี้ จะไม่ล่วงลับไปก่อนสิ่งทั้งปวงนั้นบังเกิดขึ้น” มาระโก 13:30

(2) องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงจัดเตรียมชีวิตที่พร้อมจะรับใช้พระองค์ในทุกๆ โอกาส

มีพระวจนะสอนเราดังนี้ “จงฉวยโอกาส เพราะว่าทุกวันนี้เป็นกาลที่ชั่ว” เอเฟซัส 5:16 และ “จงปฏิบัติกับคนภายนอกด้วยใช้สติปัญญา โดยฉวยโอกาส” โคโลสี 4:5 ในทุกๆ โอกาสเราสามารถรับใช้พระองค์ได้ในการประกาศข่าวประเสริฐสร้างสาวก ในเวลาที่ดีในเวลาที่ร้ายเราก็ยังเป็นเกลือและความสว่างได้เสมอ เปาโลกับสิลาสได้ฝึกฝนชีวิตในการเป็นนักนมัสการ นักอธิษฐาน มองโลกในแง่ดีๆ ยอมรับความอ่อนแอและพึ่งพาฤทธานุภาพขององค์พระผู้เป็นเจ้า วางใจในพระองค์ ความรอดพ้นบาปสามารถไหลผ่านจากชีวิตของเราไปสู่ผู้อื่นได้อย่างอัศจรรย์โดยฤทธานุภาพแห่งองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ ชีวิตใหม่ในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเป็นประจักษ์พยานเป็นอุปกรณ์ในการประกาศข่าวประเสริฐได้เป็นอย่างดี

(3) องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงเตรียมชีวิตแห่งความมั่นใจในความรอดพ้นบาป

ผู้ที่เชื่อใจในพระองค์แล้วมีชีวิตนิรันดร์หลุดรอดพ้นจากความบาปผิด และจะไม่ถูกพิพากษาผลักทิ้งที่บึงไฟนรกแต่จะมีชีวิตนิรันดร์ในแผ่นดินสวรรค์ของพระองค์ ความมั่นใจเช่นนี้มาจากชีวิตที่ได้ติดสนิทผูกพันในพระองค์อย่างแนบแน่น “28และบัดนี้ลูกทั้งหลายเอ๋ย จงอยู่ในพระองค์ เพื่อว่าเมื่อพระองค์ทรงปรากฏ เราทั้งหลายจะได้มีใจกล้า และไม่หลบพระพักตร์พระองค์ด้วยความละอาย เมื่อพระองค์เสด็จมา 29ถ้าท่านทั้งหลายรู้ว่าพระองค์เที่ยงธรรม ท่านก็รู้ว่าทุกคนที่ประพฤติตามความเที่ยงธรรมได้บังเกิดมาจากพระองค์ด้วย” 1 ยอห์น 2:28-29 นี่ก็เป็นพระวจนะตอนหนึ่งที่ได้กล่าวเอาไว้สอนชีวิตของเรา ในพระองค์เป็นความจริงและไม่มุสา แม้เราไม่สมควรที่จะได้รับพระพรเช่นนี้จากพระองค์ก็ตาม

“17ฉะนั้นเมื่อพระเจ้าทรงประสงค์จะแสดงให้บรรดาผู้ที่ได้รับพระสัญญาเป็นมรดกรู้แน่ยิ่งขึ้นว่า พระดำริของพระองค์จะไม่เปลี่ยนแปลง พระองค์จึงได้ทรงยืนยันพระสัญญานั้นด้วยคำสาบาน 18เพื่อว่าโดยสองประการที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ (พระเจ้าจะไม่ตรัสมุสา) เราผู้ที่ได้หนีไปยึดความหวังซึ่งมีอยู่ตรงหน้า เราจึงจะได้รับการชูใจอย่างมากมาย” ฮีบรู 6:17-18

นี่เป็นพระวจนะตอนหนึ่งที่ได้สอนเราเช่นกันถึงให้เรามีความมั่นใจในความรอดพ้นบาปในพระองค์

ชีวิตของเราสามารถเผชิญในทุกๆ สิ่งได้เสมอไม่ว่าร้ายหรือดีก็ตามแต่พวกเราก็ต้องตื่นตัวปลุกตัวเองอยู่เสมอไปหลากหลายด้าน โดยเฉพาะให้รักพระองค์สุดหัวใจ ให้พร้อมเสมอๆ ในการรับใช้นำผู้คนมาถึงความรอดในพระองค์ และให้มั่นใจในความรอดที่มีในองค์พระเยซูคริสต์เจ้า และให้รักษาชีวิตในพระองค์เสมอไปจวบจนวันสุดท้ายของเราในพระหัตถ์ของพระองค์ท่านจงพิจารณาดูตัวของท่านว่าท่านตั้งอยู่ในความเชื่อหรือไม่ จงชันสูตรตัวของท่านเองเถิด ท่านไม่สำนึกหรือว่า พระเยซูคริสต์ทรงสถิตอยู่ในท่านทั้งหลาย นอกจากท่านจะแพ้การชันสูตร” 2 โครินธ์ 13:5 พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้าครับผม

ดู 4 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page