ชีวิตคริสเตียนเป็นชีวิตที่ขาดพระคำของพระองค์ในการนำชีวิตของเราไม่ได้ พระคำหรือพระวจนะเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่า ทำประโยชน์สู่ชีวิตคริสเตียนของเราอย่างมากมายสุดที่จะบรรยายและหรือแถลงให้ครบถ้วนได้ เป็นสิ่งจำเป็นแม้เราไม่สามารถเข้าใจได้เราสามารถค่อยๆ เรียนรู้และเติบโตขึ้นในพระองค์ พระองค์เองก็จะค่อยๆ เปิดเผยและหรือสำแดงให้เราแต่ละคนๆ ค่อยๆ เดินไปกับพระองค์ได้อย่างมั่นคงในที่สุดได้ การจะเรียนรู้จักพระองค์มากขึ้นเราจะต้องผูกพันใกล้ชิดสนิทสนมกับพระองค์ เพราะพระองค์เป็นดุจดังเพื่อน องค์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์สูงสุดทรงเปี่ยมด้วยพระคุณและความรักอันสุดจะเข้าใจได้ เราจะได้หยุดพักสงบและมีกำลังใหม่ในพระองค์ พระองค์จะสอนและนำเราไปในทิศทางที่ดีและถูกต้องเสมอ พระองค์จะสอนยุทธวิธีในการดำเนินชีวิตที่มีคุณค่าเกิดผลแบะเป็นพระพรในพระองค์ เราสามารถเรียนประสบการณ์ต่างๆ ในชีวิตเพื่อไปสู่อนาคตที่สดสวยงามและแข็งแกร่งในพระองค์เป็นที่ยิ่ง เราได้เห็นจากชีวิตของโมเสสเป็นตัวอย่างท่านนำชนชาติอิสราเอลโดยการทรงนำของพระองค์และโดยพระคำเช่นในพระธรรมอพยบบทที่ 33 ในข้อที่ 11 กล่าวว่า
“ดังนี้แหละพระเจ้าเคยตรัสสนทนากับโมเสสสองต่อสอง เหมือนมิตรสหายสนทนากัน แล้วโมเสสก็กลับไปยังค่าย แต่โยชูวาผู้รับใช้หนุ่มผู้เป็นบุตรของนูน มิได้ออกไปจากเต็นท์” อพยบ 33:11
พระคำของพระองค์จะชี้นำในการทำพันธกิจต่างๆ อย่างถูกต้อง อย่างเหมาะสม พระวจนะจะสอนเราในหลากหลายด้าน เช่น
(1) พันธกิจที่ทรงมอบหมายให้แก่เหล่าสาวกของพระองค์
คริสตจักรและคริสเตียนทุกๆ คนต้องใส่ใจเป็นพิเศษคือ “ฝ่ายพระองค์จึงตรัสสั่งพวกสาวกว่า “เจ้าทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน”” มาระโก 16:15 เป็นต้น และอื่นๆ อีกมากมายนี่เป็นพันธกิจสำคัญลำดับต้นๆ ที่เราต้องให้ความสำคัญยิ่ง
(2) พันธกิจที่เหล่าสาวกต้องรับผิดชอบต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า
ต่อตนเอง ต่อผู้อื่นและโลกนี้
“ถ้าเรากล่าวแก่คนอธรรมว่า โอ คนอธรรมเอ๋ย เจ้าจะต้องตายแน่ แต่เจ้าก็มิได้กล่าวคำตักเตือนให้คนอธรรมกลับ จากทางของเขา คนอธรรมนั้นจะต้องตายเพราะความบาปชั่วของเขา แต่เราจะลงโทษเจ้าเพราะความตายของเขา” เอเสเคียล 33:8
นั่นคือการเป็นคนต้นเรือนที่สัตย์ซื่อของพระองค์ที่พระองค์ทรงใส่ใจและไว้ใจได้ในการสอน เทศนา ประกาศ อธิบายพระคำของพระองค์ให้แก่ทุกๆ คนในโลกนี้ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม ทุกๆ ชาติทุกๆ ภาษาในทุกๆ หนแห่งทั่วโลกนี้เราคือคนยามของพระองค์นั่นเอง
(3) พันธกิจจะมีพระพรในบั้นปลายเสมอ
แม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรคปัญหาความทุกข์ยากลำบากต่างๆ อย่างมากมายก็ตามปลายทางเหล่านั้นมีบำเหน็จรางวัลในพระองค์รอคอยเราอยู่อย่างแน่นอน
“ข้าพระองค์ได้สะสมพระดำรัสของ พระองค์ไว้ในใจของข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะไม่ทำบาปต่อพระองค์” สดุดี 119:11
ผู้ที่มีพระคำจะมีชีวิตที่ดี พระองค์ทรงโปรดปรานและห่างไกลจากความบาปต่างๆ
“พระวจนะของพระองค์เป็นโคมสำหรับเท้าของข้าพระองค์ และเป็นความสว่างแก่มรรคาของข้าพระองค์” สดุดี 119:105
การใช้ชีวิตในพระคำเอาชนะอุปสรรคและขวากหนามต่างๆ ได้ มีทิศทางที่เห็นได้แน่นอนและปลอดภัย ฯลฯ และจะนำพาชีวิตของเราไปสู่การจำเริญขึ้นในพระองค์อย่างแน่นอน
“11คำของเราซึ่งออกไปจากปากของเรา จะไม่กลับมาสู่เราเปล่า แต่จะสัมฤทธิ์ผลซึ่งเรามุ่งหมายไว้ และให้สิ่งซึ่งเราใช้ไปทำนั้นจำเริญขึ้นฉันนั้น 12“เพราะเจ้าจะออกไปด้วยความชื่นบาน และถูกนำไปด้วยสวัสดิภาพ ภูเขาและเนินเขา เปล่งเสียงร้องเพลงข้างหน้าเจ้า และต้นไม้ทั้งสิ้นในท้องทุ่งจะตบมือของมัน 13แทนต้นหนามขี้แรด ต้นสนสามใบจะงอกขึ้น แทนต้นไมยราบ ต้นน้ำมันเขียวจะงอกขึ้น และแด่พระเจ้า มันจะเป็นอนุสรณ์ เพื่อเป็นหมายสำคัญนิรันดร์ซึ่งจะไม่ตัดออกเลย”” อิสยาห์ 55:11-13
นี่เป็นพระสัญญาแห่งพระคำของพระองค์
ขอให้พวกเรารักพระคำใส่ใจในพระคำและให้พระคำเป็นอาหารแห่งชีวิตและเป็นสิ่งที่นำทิศทางในชีวิตไปสู่การเจริญขึ้นในพระองค์เสมอ พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้าครับผม
Comentários