top of page

บทความจากศิษยาภิบาล ฉบับวันที่ 12 มีนาคม 2023

พบกันในสัปดาห์นี้อยากจะนำพี่น้องมาศึกษาถึงสิ่งหนึ่งที่สำคัญและจำเป็นในชีวิตคริสเตียน คือ การทรงเรียกขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ได้ติดตามพระองค์ และให้ได้รับใช้พระองค์นั่นเอง พันธกิจขององค์พระผู้เป็นเจ้าจำเป็นต้องเคลื่อนต่อไปยังคนรุ่นต่อๆ ไปอย่างไม่หยุดยั้ง คนแต่ละวัยมีช่องว่างแห่งความไม่เข้าใจกันและกันเนื่องจากประสบการณ์ที่แตกต่างกัน แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์เป็นอยู่ทรงครอบครองอยู่ในสรรพสิ่ง พระองค์จะทรงสอนเองและทรงเติมให้เต็มในทุกๆ สิ่งอย่างแน่นอน พระองค์ได้ทรงเรียกให้เราได้เป็นคนต้นเรือนที่สัตย์ซื่อ

21นายจึงตอบว่า 'ดีแล้ว เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด'” มัทธิว 25:21

และพระองค์ก็ได้ทรงเรียกโมเสสให้ได้รับใช้พระองค์ผ่านการอัศจรรย์และหมายสำคัญต่างๆ มากมาย

1ฝ่ายโมเสสเมื่อเลี้ยงฝูงแพะแกะของเยโธรพ่อตา ผู้เป็นปุโรหิตของคนมีเดียน ได้พาฝูงแพะแกะไปทางตะวันตกของถิ่นทุรกันดาร จนมาถึงภูเขาของพระเจ้าคือ โฮเรบ 2ทูตของพระเจ้าก็ปรากฏแก่โมเสส ท่ามกลางพุ่มไม้เป็นเปลวไฟ โมเสสมองดู เห็นพุ่มไม้นั้นมีไฟลุกโชนอยู่ แต่มิได้ไหม้โทรมไป 3โมเสสจึงว่า “ข้าจะแวะเข้าไปดูสิ่งแปลกประหลาดนี้ ว่าเหตุไฉนพุ่มไม้จึงไม่ไหม้” 4ครั้นพระเจ้าทอดพระเนตรเห็นเขาเดินเข้ามาดู จึงตรัสออกมาจากพุ่มไม้นั้นว่า “โมเสส โมเสสเอ๋ย” โมเสสทูลตอบว่า “ข้าพระองค์อยู่ที่นี่” 5พระองค์จึงตรัสว่า “อย่าเข้ามาใกล้ที่นี่ ถอดรองเท้าของเจ้าออกเสีย เพราะว่าที่ซึ่งเจ้ายืนอยู่นี้เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์” 6แล้วพระองค์ตรัสอีกว่า “เราเป็นพระเจ้าของบิดาเจ้า เป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ” โมเสสปิดหน้าเสีย เพราะกลัวไม่กล้ามองดูพระเจ้า 7พระเจ้าตรัสว่า “เราเห็นความทุกข์ของประชากรของเราที่อยู่ในประเทศ อียิปต์แล้ว เราได้ยินเสียงร้องของเขา เพราะการกดขี่ของพวกนายงาน เรารู้ถึงความทุกข์ร้อนต่างๆ ของเขา 8เราลงมาเพื่อจะช่วยเขาให้รอดจากมือชาวอียิปต์ และนำเขาออกจากประเทศนั้น ไปยังแผ่นดินที่อุดมกว้างขวาง เป็นแผ่นดินที่มีน้ำนม และน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ คือไปยังที่อยู่ของชาวคานาอัน คนฮิตไทต์ คนอาโมไรต์ คนเปริสซี คนฮีไวต์ และคนเยบุส 9บัดนี้คำร่ำร้องของชนชาติอิสราเอลมาถึงเราแล้ว ทั้งเราได้เห็นการบีบคั้นซึ่งชาวอียิปต์กระทำต่อเขาแล้ว 10เราจะใช้เจ้าไปเฝ้าฟาโรห์ เพื่อจะได้พาประชากรของเรา คือชนชาติอิสราเอลออกจากอียิปต์”” อพยพ 3:1-10 และ
5เหตุฉะนี้ถ้าเจ้าฟังเสียงเรา และรักษาพันธสัญญาของเราไว้ เจ้าจะเป็นกรรมสิทธิ์ของเราที่เราเลือกสรรจากท่ามกลาง ชนชาติทั้งปวง เพราะแผ่นดินทั้งสิ้นเป็นของเรา 6เจ้าทั้งหลายจะเป็นอาณาจักรปุโรหิต และเป็นชนชาติบริสุทธิ์สำหรับเรา นี่เป็นถ้อยคำที่เจ้าต้องบอกให้คนอิสราเอลฟัง” อพยพ 19:5-6

นี่เป็นพระวจนะส่วนหนึ่งที่ได้สอนและนำพาชีวิตของเราให้ได้เรียนรู้ถึงการทรงเรียกว่าคืออะไร เป็นอย่างไร และทำไมจึงทรงเรียกเราให้ได้รับใช้พระองค์ เราจะค่อยๆ เรียนรู้แต่ละคำถามอย่างเฉพาะเจาะจงในโอกาสต่อๆ ไป การทรงเรียกของพระองค์จะมี

(ก) การทรงเรียกทั่วๆ ไป

เพื่อให้ได้กลับใจเสียใหม่มาเป็นทาสสมัครของพระองค์ คือเรียกให้มนุษย์ทุกๆ คนหันกลับมาหาพระองค์(ยอห์น 3:16)

(ข) การทรงเรียกเป็นพิเศษเฉพาะเจาะจงเป็นรายบุคคล

เช่น ทรงเรียกอัครทูตเปาโล เป็นต้น

3ข้าพเจ้าขอกล่าวแก่ท่านทั้งหลายทุกคนโดยพระคุณ ซึ่งทรงประทานแก่ข้าพเจ้าแล้วว่า อย่าคิดถือตัวเกินที่ตนควรจะคิดนั้น แต่จงคิดให้ถ่อมสุขุมสมกับขนาดความเชื่อ ที่พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานแก่ท่าน 4เพราะว่า ในร่างกายอันเดียวนั้น เรามีอวัยวะหลายอย่าง และอวัยวะนั้นๆมิได้มีหน้าที่เหมือนกันฉันใด 5พวกเราผู้เป็นหลายคนยังเป็นกายอันเดียวในพระคริสต์และเป็นอวัยวะแก่กันและกันฉันนั้น 6และเราทุกคนมีของประทานที่ต่างกัน ตามพระคุณที่ได้ประทานให้แก่เรา คือถ้าเป็นการเผยพระวจนะ ก็จงเผยตามกำลังของความเชื่อ 7ถ้าเป็นการปรนนิบัติก็จงปรนนิบัติ ถ้าเป็นการสั่งสอนก็จงสั่งสอน 8ถ้าเป็นการเตือนสติก็จงเตือนสติ ถ้าเป็นการบริจาค ก็จงให้ด้วยใจกว้างขวาง ผู้ที่ครอบครอง ก็จงครอบครองด้วยเอาใจใส่ ผู้ที่แสดงความเมตตา ก็จงแสดงด้วยใจยินดี” โรม 12:3-8

(ค) การทรงเรียกเฉพาะเจาะจงเพื่อข่าวประเสริฐ

โดยเฉพาะ

7และสำหรับการนี้ข้าพเจ้าจึงได้ถูกตั้งไว้ให้เป็นผู้ประกาศ และเป็นอัครทูต(ข้าพเจ้าพูดจริงไม่ปดเลย) และเป็นครูสอนความเชื่อและความจริงแก่คนต่างชาติ” 1 ทิโมธี 2:7

เพราะโลกอยู่ภายใต้ความมืดบาป ผู้คนขาดผู้เลี้ยง วิญญาณจิตถูกการรังควาน และองค์พระผู้เป็นเจ้าสำแดงพระสติปัญญา พระประสงค์ของพระองค์ผ่านคริสตจักรที่ทรงเรียกเฉพาะเจาะจงนี้ และโลกก็กำลังจะสิ้นยุคในเร็ววันนี้

เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกและมีผู้ตอบสนอง พระองค์ก็จะทำกิจของพระองค์ผ่านกระบวนการต่างๆ มากมาย โดย

(1) ทรงสร้างชีวิตเราให้แข็งแกร่งพร้อมที่จะกระทำการเหล่านั้นอย่างเฉพาะเจาะจงมายิ่งขึ้น

(2) พระองค์จะทรงสอนเราผ่านพระคำ คนของพระองค์ และฤทธานุภาพแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์

(3) พระองค์จะใช้เราไปในทุกหนแห่งตามการทรงนำของพระองค์ในโลกใบนี้อย่างกล้าหาญ

18พระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มาในโลกฉันใด ข้าพระองค์ก็ใช้เขาไปในโลกฉันนั้น” ยอห์น 17:18

มาถึงตอนนี้เราอาจจะต้องศึกษาเพิ่มเติมถึงการที่เราจะรู้ได้ว่าพระองค์ทรงเรียกเราให้ได้รับใช้พระองค์ไม่ว่าจะเป็นการทรงเรียกในด้านใดๆ ก็ตาม พอจะกล่าวโดยสังเขปคือ

ประการแรกคือการได้สัมผัสกับความรักอันอบอุ่นแห่งพระคุณขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างมากมายสุดจะบรรยายได้ครบถ้วน เราจะรักพระองค์ รักตนเอง และรักผู้อื่นเสมอตนเอง

ประการที่สองต่อมาคือการเข้าใจเข้าถึงความจำเป็นความต้องการในชีวิตของผู้อื่นด้วยความห่วงใย เมตตาสงสาร ผู้เดียวที่จะสามารถตอบสนองและแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างครบถ้วนคือองค์พระเยซูคริสต์เจ้านั่นเอง ได้รับการทรงเรียกจะตระหนักถึงของประทาน ความสามารถที่ตนเองมีอยู่จะใช้ของประทานเหล่านั้นเสมอๆ ฝึกฝนจนชำนาญการและใช้อย่างแคล่วคล่อง ชาญฉลาดเรียนรู้อยู่เสมอๆ สิ่งเหล่านี้เป็นภาระในใจจะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกว่าเราจะยอมจำนนและตอบสนองต่อการทรงเรียกของพระองค์จึงจะยุติลง

ประการสุดท้ายสิ่งที่เราตอบสนองจะถวายสง่าราศรีแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าในที่สูงสุด ผู้คนมากมายจะพบกับพระองค์ และตัวเราเองก็พบกับสันติสุขเป็นที่ยิ่ง และได้เติบโตขึ้นในพระองค์เป็นที่ยิ่งเช่นกัน

8และข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราจะใช้ผู้ใดไป และผู้ใดจะไปแทนเรา” แล้วข้าพเจ้าทูลว่า “ข้าพระองค์อยู่นี่ พระเจ้าข้าขอทรงใช้ข้าพระองค์ไปเถิด”” อิสยาห์ 6:8

พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้าครับผม ขอพระเป็นเจ้าทรงอวยพระพรทุกๆ ท่านถ้วนหน้ากัน

ดู 23 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page