top of page

บทความจาก ศบ.

มีหลากหลายผู้คนที่มีประสบการณ์ตรงในชีวิตจริงกับพระคำขององค์พระผู้เป็นเจ้า เช่น เยเรมีย์

“เมื่อพบพระวจนะของพระองค์แล้ว ข้าพระองค์ก็กินเสีย พระวจนะของพระองค์เป็นความชื่นบานแก่ข้าพระองค์ และเป็นความปีติยินดีแห่งจิตใจของข้าพระองค์ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ พระเจ้าจอมโยธา เพราะว่าเขาเรียกข้าพระองค์ตามพระนามของพระองค์” เยเรมีย์ 15:16

การพบพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้ามีคุณค่าต่อชีวิตของคนเราอย่างยิ่ง เพราะได้นำพาชีวิตของเราไปสู่ความสันติสุขในพระองค์แม้ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานของอุปสรรคปัญหาและความทุกข์ยากต่างๆ เยเรมีย์ก็ได้พบกับความสุขสงบ การเล้าโลมใจมายังชีวิตของท่านซึ่งเราสามารถถอดบทเรียนจากชีวิตของท่านและจากบุคคลในพระคัมภีร์และแม้แต่กระทั่งบนโลกของเราในทุกๆ วันนี้ต่างก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าคนที่มีชีวิตอยู่กับพระคำล้วนแต่เจริญรุ่งเรืองและมีสันติสุขเป็นที่ยิ่งในพระองค์

“1ความสุขเป็นของบุคคล ผู้ไม่ดำเนินตามคำแนะนำของคนอธรรม หรือยืนอยู่ในทางของคนบาป หรือนั่งอยู่ในที่นั่งของคนที่ชอบเยาะเย้ย 2แต่ความปีติยินดีของผู้นั้นอยู่ในพระธรรมของพระเจ้า เขาภาวนาพระธรรมของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน” สดุดี 1:1-2

คนที่เรียนรู้จักกับพระวจนะของพระองค์ย่อมดื่มด่ำอยู่ในพระคำเหล่านั้นและนำพระคำเหล่านั้นมาเป็นพระพรและหล่อหลอมชีวิตของตนเองได้เป็นอย่างดี ซึ่งในสัปดาห์นี้จะพาพี่น้องศึกษาถึงการนำพระวจนะมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของเราในทางใดได้บ้างโดยสังเขปดังนี้ กล่าวคือ

(1) พระวจนะจะเปิดเผยหรือแจ้งให้เราได้ทราบและมีชีวิตที่ห่างไกลจากความบาปผิด

ต่างๆ สิ่งที่ไม่ใช่แผนการหรือน้ำพระทัยของพระองค์เราพึงจะหลีกหนีและอยู่ให้ห่างไกลจากสิ่งชั่วร้ายเหล่านั้น

“1ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงแสดงพระกรุณาต่อข้าพระองค์ตามความรักมั่นคง ของพระองค์ ขอทรงลบการทรยศของข้าพระองค์ออกไปตามแต่ พระกรุณาอันอุดมของพระองค์ 2ขอทรงล้างข้าพระองค์จากความบาปผิดให้หมดสิ้น และทรงชำระข้าพระองค์จากบาปของข้าพระองค์” สดุดี 51:1-2

เป็นประสบการณ์ในชีวิตจริงของกษัตริย์ดาวิด พระวจนะนำพระองค์ในการสำนึกและหันหลังให้กับความบาปผิดและมีชีวิตในทางชอบธรรมของพระองค์ต่อมา “

10ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงสร้างใจสะอาดภายในข้าพระองค์ และฟื้นน้ำใจที่หนักแน่นขึ้นใหม่ภายในข้าพระองค์ 11ขออย่าทรงเหวี่ยงข้าพระองค์ไปเสียจากเบื้อง พระพักตร์พระองค์ และขออย่าทรงนำวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ ไปจากข้าพระองค์” สดุดี 51:10-11

พระวจนะยังจะเสริมสร้างชีวิตของเราให้มั่นคงและแข็งแกร่งพร้อมที่จะยืนหยัดกับพระองค์เสมอไป

(2) พระวจนะเป็นสิ่งที่เราจะต้องศึกษาและเรียนรู้ให้เข้าใจ

เพื่อเราจะสามารถนำความจริงเหล่านั้นมาใช้ในการดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสมและถูกต้อง เช่น การว่ากล่าวตักเตือนสั่งสอนในทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า

“16พระคัมภีร์ ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี และการอบรมในทางธรรม 17เพื่อคนของพระเจ้าจะพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง” 2 ทิโมธี 3:16-17

หากเราเข้าใจถึงแผนการและน้ำพระทัยของพระองค์เป็นอย่างดี และดำเนินตามบั้นปลายย่อมจะนำพาชีวิตของเราไปสู่การเจริญรุ่งเรืองขึ้นในพระองค์อย่างแน่นอน

“บุคคลผู้สนใจในพระวจนะจะพบของดี และคนที่วางใจในพระเจ้าจะสุขสบาย” สุภาษิต 16:20

นี่เป็นพระวจนะตอนหนึ่งที่สอนให้เรารู้จักเลือกทางชีวิตที่จะดำเนินให้สอดคล้องกับขององค์พระผู้เป็นเจ้าและในบั้นปลายจะพบกับความเจริญงอกงามขึ้นในชีวิตของตนเอง

“7กฎหมายของพระเจ้ารอบคอบ และฟื้นฟูจิตวิญญาณ กฎเกณฑ์ของพระเจ้านั้นแน่นอน กระทำให้คนรู้น้อยมีปัญญา 8ข้อบังคับของพระเจ้านั้นถูกต้อง กระทำให้จิตใจเปรมปรีดิ์ พระบัญญัติของพระเจ้านั้นบริสุทธิ์ กระทำให้ดวงตากระจ่างแจ้ง 9ความยำเกรงพระเจ้านั้นสะอาดหมดจด ถาวรเป็นนิตย์ กฎหมายของพระเจ้าก็สัตย์จริง และชอบธรรมทั้งสิ้น 10น่าปรารถนามากกว่าทองคำ ยิ่งกว่าทองนพคุณมากนัก หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้ง ที่หยดลงจากรวง” สดุดี 19:7-10

แม้ตอนที่หยิบยกมาอาจจะยาวไปสักนิดแต่ผู้ที่มีพระคำอยู่ในชีวิตก็มีแต่สิ่งที่ดีงามอยู่ในชีวิตเช่นกัน

(3) พระวจนะหนุนใจและส่งเสริมให้เรามีชีวิตในการรับใช้พระองค์

อย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยพระพรนานาประการ

“อนึ่ง สิ่งเหล่านี้เป็นที่ตักเตือนผู้รับใช้ของพระองค์ การที่จะรักษาข้อความเหล่านั้นก็ได้บำเหน็จอันใหญ่ยิ่ง” สดุดี 19:11

การเชื่อฟังและดำเนินชีวิตตามพระคำย่อมพบกับพระพรมากล้นสุดจะประเมินได้ พระวจนะจะเป็นแรงส่งที่จะมีมาในอนาคตสิ่งที่พึงกระทำ สิ่งที่พึงละเว้นอันไม่ถวายพระเกียรติแด่พระองค์ เป็นต้น พระวจนะเป็นสิ่งที่เราจะต้องประกาศเผยแผ่แพร่ขยายออกไป เปาโลเป็นผู้หนึ่งที่ได้เรียนรู้ในพระวจนะและได้ใส่ใจในการรับใช้เป็นอย่างดี

“16เพราะการที่ข้าพเจ้าประกาศข่าวประเสริฐนั้น ข้าพเจ้าไม่มีเหตุที่จะอวดได้ เพราะจำเป็นที่ข้าพเจ้าจะต้องประกาศข่าวประเสริฐ ถ้าข้าพเจ้าไม่ประกาศ วิบัติจะเกิดแก่ข้าพเจ้า 17เพราะถ้าข้าพเจ้าประกาศตามเจตนาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะได้สินจ้าง หากกระทำการประกาศนั้นโดยพระเจตนา ก็ยังเป็นการที่ทรงมอบไว้ให้ข้าพเจ้ากระทำ 18แล้วข้าพเจ้าจะได้อะไรเล่า คือเมื่อข้าพเจ้าประกาศข่าวประเสริฐ ข้าพเจ้าได้ประกาศโดยไม่คิดค่าจ้าง เพื่อจะไม่ได้ใช้สิทธิ์ในข่าวประเสริฐนั้นอย่างเต็มที่ 19เพราะถึงแม้ว่าข้าพเจ้ามิได้อยู่ในบังคับของผู้ใด ข้าพเจ้าก็ยังยอมตัวเป็นทาสรับใช้คนทั้งปวง เพื่อจะได้ชนะใจคนมากยิ่งขึ้น 20ต่อพวกยิวข้าพเจ้าก็เป็นยิว เพื่อจะได้พวกยิว ต่อพวกที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ ข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนคนอยู่ใต้ธรรมบัญญัติ (แต่ตัวข้าพเจ้ามิได้อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ) เพื่อจะได้คนที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัตินั้น 21ต่อคนที่อยู่นอกธรรมบัญญัติข้าพเจ้าก็เป็นคนนอกธรรมบัญญัติ เพื่อจะได้คนที่อยู่นอกธรรมบัญญัตินั้น แต่ข้าพเจ้ามิได้อยู่นอกพระบัญญัติของพระเจ้า แต่อยู่ใต้พระบัญญัติแห่งพระคริสต์ 22ต่อคนอ่อนแอข้าพเจ้าก็เป็นคนอ่อนแอเพื่อจะได้คนอ่อนแอ ข้าพเจ้ายอมเป็นคนทุกชนิดต่อคนทั้งปวง เพื่อจะช่วยเขาให้รอดได้บ้างโดยทุกวิถีทาง 23ข้าพเจ้าทำอย่างนี้ เพราะเห็นแก่ข่าวประเสริฐเพื่อข้าพเจ้าจะได้มีส่วนในข่าวประเสริฐนั้น” 1 โครินธ์ 9:16-23

เราทั้งหลายพึงใส่ใจในพระวจนะศึกษาค้นคว้าหาความจริงในพระคำ ซึมซับอยู่ในพระคำอย่างเข้าใจและถูกต้องและพร้อมที่จะนำพระพรเหล่านั้นไปยังผู้อื่นด้วยความรักในพระองค์เป็นทุนเดิมเป็นสำคัญ พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้าครับผม

ดู 36 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page