top of page

บทความจากศิษยาภิบาล ฉบับวันที่ 8 พฤษภาคม 2022

บทความโดย ศจ.ดร.วัฒนา พรหมโคตร
ศิษยาภิบาลอาวุโสคริสตจักรขอนแก่น

คริสตจักรขอนแก่นยินดีต้อนรับพี่น้องทุกๆ ท่านสู่การนมัสการในเดือนแห่งการส่งเสริมการประกาศข่าวประเสริฐขององค์พระคริสต์เจ้าและเดือนที่เราจะเรียนรู้อย่างเข้าใจอย่างถูกต้องลึกซึ้งถึงการสร้างสาวก ชีวิตคริสเตียนเป็นชีวิตที่ต้องเรียนรู้และเติบโตขึ้นในพระองค์อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอในทุกๆ ด้าน วันนี้ขอหยิบยกพระวจนะในพระธรรมตอนนี้มาอีกครั้งหนึ่งเพื่อตอกย้ำถึงคุณค่าและความคุ้มค่ากับการลงทุนทุ่มเทในการประกาศพระกิตติคุณขององค์พระคริสต์เจ้าและการสร้างสาวกควบคู่กันไปด้วยดีอย่างเหมาะสม

“25คนเป็นอันมากได้ไปกับพระองค์ พระองค์จึงทรงเหลียวหลังตรัสกับเขาว่า 26“ถ้าผู้ใดมาหาเราและไม่ชังบิดามารดา บุตรภรรยา และพี่น้องชายหญิง แม้ทั้งชีวิตของตนเองด้วย ผู้นั้นจะเป็นสาวกของเราไม่ได้ 27ผู้ใดมิได้แบกกางเขนของตนตามเรามา ผู้นั้นจะเป็นสาวกของเราไม่ได้ 28ด้วยว่าในพวกท่านมีผู้ใดเมื่อปรารถนาจะสร้างตึก จะไม่นั่งลงคิดราคาดูเสียก่อนว่า จะมีพอสร้างให้สำเร็จได้หรือไม่ 29เกรงว่าเมื่อลงรากแล้ว และกระทำให้สำเร็จไม่ได้ คนทั้งปวงที่เห็นจะเยาะเย้ยเขา 30ว่า 'คนนี้ตั้งต้นก่อ แต่ทำให้สำเร็จไม่ได้' 31หรือมีกษัตริย์องค์ใดเมื่อจะยกกองทัพไปทำสงครามกับกษัตริย์อื่น จะมิได้นั่งลงคิดดูก่อนหรือว่า ที่ตนมีพลทหารหมื่นหนึ่ง จะสู้กับกองทัพที่ยกมารบสองหมื่นนั้นได้หรือไม่ 32ถ้าสู้ไม่ได้ เมื่อยังอยู่ห่างกัน ก็จะใช้พวกทูตไปขอเป็นไมตรีกัน 33ก็เช่นนั้นแหละ ทุกคนในพวกท่านที่มิได้สละสิ่งสารพัดที่ตนมีอยู่ จะเป็นสาวกของเราไม่ได้” ลูกา 14:25-33

ซึ่งพระวจนะตอนนี้หากเราพิจารณาดูให้ถ่องแท้เราก็จะเข้าใจถึงการสร้างสาวกเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยพลวัตรที่ต่อเนื่องจากองค์พระผู้เป็นเจ้า แรงผลักดันอันสำคัญคือความรักขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ฝังรากลึกอยู่ในชีวิตของผู้เชื่อนั่นเอง พระวจนะได้กลาวถึงบ่อยๆ ในชีวิตคริสเตียนเป็นเสมือนเกลือในการรักษาความเค็มและเป็นดุจดังความสว่างที่ต้องฉายแสงขององค์พระคริสต์เจ้าออกไปสู่โลกกว้าง เปาโลก็ได้สั่งสอนทิโมธีอย่างเอาจใส่เช่นกันในเรื่องนี้

“1เหตุฉะนั้นบุตรของข้าพเจ้าเอ๋ย จงเข้มแข็งขึ้นในพระคุณซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์ 2จงมอบคำสอนเหล่านั้น ซึ่งท่านได้ยินจากข้าพเจ้าต่อหน้าพยานหลายคน ไว้กับคนที่ซื่อสัตย์ที่สามารถสอนคนอื่นได้ด้วย” 2 ทิโมธี 2:1-2

เราต่างก็ยอมรับว่าการสร้างสาวกเป็นงานที่ยากและลำบาก เป็นงานหนักและต้องจ่ายราคาสูงมากหากต้องการการเกิดผลต้องยินดีสละชีพของตนเพื่อการนี้ ซึ่งเราต่างก็ยอมรับว่าทำยากมากๆ เช่นกัน แต่ก็ใช่ว่าจะกระทำไม่ได้หากเราพึ่งพาในฤทธานุภาพขององค์พระผู้เป็นเจ้านั่นเอง สิ่งที่เราพึงตระหนักในการสร้างสาวกคือ

(1) การสร้างสาวกต้องอาศัยเวลาอันยาวนาน

ที่ไม่อาจกำหนดและคาดการณ์ได้ในแต่ละคน ในแต่ละท้องถิ่น โอกาสต่างๆ องค์พระผู้เป็นเจ้าสั่งให้เราออกไปทั่วโลก ทรงสอนให้เราฉวยโอกาส “จงฉวยโอกาส เพราะว่าทุกวันนี้เป็นกาลที่ชั่ว” เอเฟซัส 5:16 ใช้วันเวลาที่เรามีอยู่อย่างจำกัดในการทำพันธกิจการงานของพระองค์อย่างดีที่สุด บางครั้งเมล็ดพ้นธุ์แห่งพระกิตติคุณขององค์พระผู้เป็นเจ้าอาจจะยังไม่เกิดผลในช่วงชีวิตของเราก็อาจจะเป็นไปได้ แต่เราก็ควรจะสานต่อถ่ายทอดนิมิตและภาระใจต่อไปอย่างสัตย์ซื่อและยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า การเกิดผลเป็นพันธกิจขององค์พระผู้เป็นเจ้าในเวลาของพระองค์แต่เพียงผู้เดียว

(2) การสร้างสาวกมีอุปสรรคมากมาย

ทั้งจากภายในและจากปัจจัยภายนอกต่างๆ ที่ไม่อาจจะทราบล่วงหน้าหรือคาดการณ์ต่างๆ ได้เลย เราต้องเอาชนะความต้องการของเนื้อหนังของเราเอง ระบบของโลก เหล่าซาตานวิญญาณชั่วร้ายต่างๆ มากมาย ผู้สร้างจึงต้องอาศัยชีวิตที่ทรหดอดทนสูงดังเปาโลสอนทิโมธีว่า “จงทนการยากลำบากด้วยกันกับทหารที่ดีของพระเยซูคริสต์” 2 ทิโมธี 2:3 เมื่อเราหว่านสิ่งที่ดีก็มีผู้มาหว่านสิ่งที่ไม่ดีแข่งขันกันไป องค์พระผู้เป็นเจ้าสอนให้เราอดทนและวางใจในพระองค์ ซึ่งพระวจนะได้สอนเราไว้อย่างชัดเจนดังนี้

“38และนานั้นได้แก่โลก ส่วนเมล็ดพืชดีได้แก่พลเมืองแห่งแผ่นดินของพระเจ้า แต่ข้าวละมานได้แก่พลเมืองของมารร้าย 39ศัตรูผู้หว่านเมล็ดพืชชั่วได้แก่มารนั้น ฤดูเกี่ยวได้แก่เวลาสิ้นยุค และผู้เกี่ยวนั้นได้แก่ทูตสวรรค์ 40เหตุฉะนั้นเขาเก็บข้าวละมานเผาไฟเสียอย่างไร เมื่อเวลาสิ้นยุคก็จะเป็นอย่างนั้น 41บุตรมนุษย์จะใช้ทูตของท่านออกไปเก็บกวาดทุกสิ่งที่ทำให้หลงผิด และบรรดาผู้ที่กระทำชั่วไปจากแผ่นดินของท่าน 42และจะทิ้งลงในเตาไฟอันลุกโพลง ที่นั่นจะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน 43คราวนั้นผู้ชอบธรรมจะส่องแสงอยู่ในแผ่นดินพระบิดาของเขาดุจดวงอาทิตย์ ใครมีหูจงฟังเถิด” มัทธิว 13:38-43

ผู้รับใช้ของพระองค์ต้องยืนหยัดมั่นคงสัตย์ซื่อในการทำพันธกิจอย่างต่อเนื่องเรื่อยไปและมอบการเกิดผลไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์

(3) ความถ่อมใจและเรียนรู้และรับฤทธานุภาพที่มาจากพระองค์เป็นสำคัญในการทำพันธกิจสร้างสาวก

เปาโลมีประสบการณ์เช่นนี้ในการสร้างสาวก

“และข้าพเจ้ามีความยินดีที่จะสละแรงหมดเพื่อท่านทั้งหลาย เมื่อข้าพเจ้ารักท่านมากขึ้นๆ ท่านจะกลับรักข้าพเจ้าน้อยลงหรือ” 2 โครินธ์ 12:15

และเปาโลก็ได้กล่าวเช่นกันว่า

“เหตุฉะนั้นพี่น้องที่รักของข้าพเจ้า ท่านจงตั้งมั่นอยู่ อย่าหวั่นไหว จงปฏิบัติงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้บริบูรณ์ทุกเวลา ท่านทั้งหลายพึงรู้ว่า โดยองค์พระผู้เป็นเจ้า การของท่านจะไร้ประโยชน์ก็หามิได้” 1 โครินธ์ 15:58

ทำพันธกิจของเราสุดใจสุดชีวิตสุดกำลัง

“ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดจะพูด ก็ให้กล่าวเหมือนหนึ่งกล่าวพระภาษิตของพระเจ้า ถ้าคนใดกระทำบริการ ก็จงให้บริการตามกำลังซึ่งพระเจ้าทรงโปรดประทาน เพื่อว่าพระเจ้าจะทรงได้เกียรติในการทั้งปวง โดยทางพระเยซูคริสต์ พระสิริและไอศวรรยานุภาพจงมีแด่พระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์ อาเมน” 1 เปโตร 4:11

ซึ่งเราได้สัมผัสจากชีวิตของท่านเปโตรเช่นกัน ถ่อมใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ พึ่งพิงในพระองค์เสมอไปและตลอดไป

การสร้างสาวก การประกาศพระกิตติคุณเป็นงานที่ต้องอาศัยระยะเวลาอันยาวนาน อุปสรรคมากมายสามารถเอาชนะได้โดยการพึ่งพิงในฤทธานุภาพขององค์พระผู้เป็นเจ้า พลังแห่งความรักของพระองค์ เอาชนะทะลุทะลวงในทุกๆ ปัญหาไปสู่พระพรอันไม่มีวันหมดสิ้นไปได้ ให้เราสัตย์ซื่อในการทำพันธกิจของพระองค์เรื่อยไปและตลอดไป พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้าครับผม

ดู 27 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page