คริสตจักรขอนแก่นยินดีต้อนรับพี่น้องทุกๆ ท่านสู่การนมัสการในทุกๆ รอบและในเดือนแห่งการขอบพระคุณในองค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเป็นการเตรียมตัวเตรียมพร้อมเข้าสู่เดือนคริสตสมภพในเดือนถัดไป พระธรรมโคโลสี 1:10-14 ได้สอนเราถึงการขอบพระคุณได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งดังนี้ “10เพื่อท่านจะได้ประพฤติอย่างที่สมควรต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และทำตนให้เป็นที่ชอบพระทัยพระองค์ ให้เกิดผลในการดีทุกอย่าง และจำเริญขึ้นในความรู้ถึงพระเจ้า 11ขอให้ท่านมีกำลังมากขึ้นทุกอย่างโดยฤทธิ์เดชแห่งพระสิริของพระองค์ ขอให้ท่านมีความทรหดที่สุด และความอดทนไว้นานด้วยความยินดี 12ให้ขอบพระคุณพระบิดา ผู้ทรงทำให้เราทั้งหลายสมกับที่จะเข้าส่วนได้รับมรดกด้วยกันกับธรรมิกชนในความสว่าง 13พระองค์ได้ทรงช่วยเราให้พ้นจากอำนาจของความมืด และได้ทรงย้ายเรามาตั้งไว้ในแผ่นดินแห่งพระบุตรที่รักของพระองค์ 14ในพระบุตรนั้นเราจึงได้รับการไถ่ ซึ่งเป็นการทรงโปรดยกบาปทั้งหลายของเรา” ชีวิตที่ปราศจากองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเสมือนกับชีวิตที่ต้องเดินไปในท่ามกลางความมืดบอดของชีวิต ไร้ซึ่งจุดหมายและเต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนามต่างๆ ที่มองไม่เห็น เราต้องขอบพระคุณในองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นความสว่างนำพาเราก้าวข้ามอุปสรรคและปัญหาต่างๆ ไปได้ด้วยดี ทรงอุ้ม ทรงจับ จูง บอก สอนแนะนำเตือนสติในการดำเนินชีวิตให้เต็มไปด้วยความสุข ต้องทำอย่างไร ทำไปเพื่ออะไร พร้อมกันนี้พระองค์ยังเสริมสร้างและพัฒนาชีวิตของเราอยู่เสมอไป ชีวิตของเราถูกสร้างออกมาจากภายในชีวิตสู่ภายนอกในฐานะประชากรของพระองค์ มีฐานะเป็นบุตรของพระองค์เป็นสำคัญ การทรงไถ่บาป การทรงนำให้เราเป็นคนชอบธรรมในพระองค์ เป็นอาทิ ทรงเป็นพระบิดานิรันดร์ในชีวิตของเรา ชีวิตแห่งการขอบพระคุณจึงเป็นชีวิตที่ตระหนักรู้อยู่เสมอว่าเพราะเรามีองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่เคียงข้างกับเรา พวกเราจึงสามารถมีชีวิตที่ดีๆ ที่หลุดพ้นจากอำนาจของความบาปผิดเข้าสู่ชีวิตใหม่ในพระองค์ ชีวิตแห่งการขอบพระคุณย่อมบ่งบอกถึงความเชื่อ ความวางใจในพระองค์ ชีวิตที่เต็มอิ่มไปด้วยพระคุณและความรักในพระองค์ และพร้อมที่จะรับใช้พระองค์ และนำพระพรจากพระองค์ไปสู่ผู้อื่นด้วยหัวใจที่ถ่อมและยำเกรงในพระองค์เป็นที่ยิ่ง
“จงขอบพระคุณในทุกกรณี เพราะนี่แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า ซึ่งปรากฏอยู่ในพระเยซูคริสต์เพื่อท่านทั้งหลาย” 1 เธสะโลนิกา 5:18
ได้สอนให้ชีวิตของพวกเราเต็มล้นไปด้วยคำสรรเสริญและคำนมัสการ เราคงคุ้นเคยบ่อยๆ กับถ้อยคำหนุนใจจากเปาโลที่กล่าวว่า “4จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่า จงชื่นชมยินดีเถิด 5จงให้จิตใจที่อ่อนสุภาพของท่านประจักษ์แก่คนทั้งปวง องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้แล้ว 6อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆเลย แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้า ด้วยการอธิษฐาน การวิงวอน กับการขอบพระคุณ 7แล้วสันติสุขแห่งพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์” ฟิลิปปี 4:4-7 ซึ่งแก่นแท้แห่งการขอบพระคุณพระองค์เป็นสิ่งที่น่าเรียนรู้และเข้าใจเพราะการขอบพระคุณในพระองค์แท้จริงคือ
(1) การนมัสการพระองค์ผู้ทรงสร้างผู้ทรงเป็นเจ้าของชีวิต ทรงควบคุมและครอบครอบในสรรพสิ่ง
“3จงรู้เถิดว่า พระเยโฮวาห์ทรงเป็นพระเจ้า คือพระองค์เองที่ทรงสร้างเราทั้งหลาย และเราก็เป็นของพระองค์ เราเป็นประชากรของพระองค์ เป็นแกะแห่งทุ่งหญ้าของพระองค์ 4จงเข้าประตูของพระองค์ด้วยการโมทนา และเข้าบริเวณพระนิเวศของพระองค์ด้วยการสรรเสริญ จงถวายโมทนาขอบพระคุณพระองค์ จงถวายสาธุการแด่พระนามของพระองค์ 5เพราะพระเจ้าประเสริฐ ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์ และความสัตย์สุจริตของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วชาติพันธุ์” สดุดี 100:3-5
(2) การขอบพระคุณเป็นการประกาศและเป็นพยานถึงความใหญ่ยิ่ง
ความงามสง่าของพระองค์แก่โลกนี้นั่นเอง และพระองค์ทรงรักเราและประสงค์ที่จะให้พวกเรานำสิ่งดีๆ ที่พวกเราได้รับจากพระองค์ไปแบ่งปันให้กับผู้อื่นด้วยเช่นกัน การขอบพระคุณในพระองค์นำมาซึ่งชีวิตอันเปี่ยมล้นไปด้วยความชื่นชมยินดีอย่างหาที่เปรียบมิได้เลย
(3) การขอบพระคุณในพระองค์เป็นวิถีชีวิตแห่งคนชอบธรรม
ผู้ที่รักในพระองค์ เชื่อฟังในพระองค์ ดำเนินชีวิตอยู่ในพระวจนะแห่งพระองค์เสมอไป เราขาดพระองค์ในชีวิตของเราไม่ได้ การขอบพระคุณจึงเป็นเสมือนชีวิตที่ยอมให้พระองค์ทรงนำหน้าและเป็นที่หนึ่งในชีวิตของเราเสมอไป
“5จงวางใจในพระเจ้าด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง 6จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า และพระองค์จะทรงกระทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น” สุภาษิต 3:5-6
ขอให้ตลอดเดือนนี้เต็มไปด้วยคำสรรเสริญ คำขอบพระคุณในพระองค์ ในสรรพสิ่ง ผู้ทรงดีต่อชีวิตของเราอย่างล้นพ้น การขอบพระคุณในพระองค์ คือ การนมัสการ คือการรับใช้พระองค์ คือชีวิตที่เชื่อฟังและยำเกรงในพระองค์ พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้าครับผม
Comments